Phones





กรุงเทพประกันภัย เป้าปี 68 เบี้ยรับรวม 34,200 หมื่นล. โต 8%

2025-03-27 16:21:40 172



นิวส์ คอนเน็คท์ - กรุงเทพประกันภัย ตั้งปีปี 68 โกยเบี้ยประกันรับรวม 34,200 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% ท่ามกลางความท้าทายปัญหาหนี้ครัวเรือนอยู่ระดับสูง ภาวะเศรษฐกิจผันผวน และอาจจะไม่โตตามเป้า พร้อมโชว์ผลงานปี 67 กำไรนิวไฮเกือบ 3,060 ล้านบาท จากเบี้ยรับรวม 31,736.1 ล้านบาท

ดร.อภิสิทธิ์ อนันตนาถรัตน ประธานคณะผู้บริหาร บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ BKI เปิดเผยในงานแถลงข่าวเมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2568 ว่า ทิศทางการดำเนินงานในปี 2568 บริษัทตั้งเป้าหมายเบี้ยประกันภัยรับรวม 34,200 ล้านบาท เติบโต 8% แบ่งเป็น เบี้ยประกันภัยรถยนต์ 14,700 ล้านบาท และ เบี้ยประกันภัยที่ไม่ใช่ประกันภัยรถยนต์ หรือ Non-Motor 19,500 ล้านบาท โดยบริษัทฯ มุ่งมั่นที่จะขยายธุรกิจด้วยการพัฒนาเทคโนโลยี และนวัตกรรมดิจิทัล ยกระดับผลิตภัณฑ์ และบริการให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริง เพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุด ทั้งในด้านความสะดวก รวดเร็ว และความพึงพอใจสูงสุดในทุกการบริการ

สำหรับแนวโน้มของธุรกิจประกันวินาศภัยในปี 2568 สมาคมประกันวินาศภัยไทยคาดว่าจะขยายตัว 1.5-2.5% ซึ่งเติบโตเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า คิดเป็นเบี้ยประกันภัยรับโดยตรง 2.91-2.95 แสนล้านบาท อย่างไรก็ตาม จากสภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวน ผนวกกับภาระหนี้สินครัวเรือนที่ยังอยู่ในระดับสูง ยังคงเป็นปัจจัยกดดันการเติบโตของธุรกิจประกันวินาศภัย จากผลกระทบด้านกำลังซื้อของผู้บริโภค ในขณะเดียวกันความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงินที่ส่งผลต่อเนื่องมายังยอดจำหน่ายสินทรัพย์ เช่น บ้าน และรถยนต์ ยังเป็นปัจจัยที่ชะลอการเติบโตของเบี้ยประกันอัคคีภัย และ ประกันภัยรถยนต์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ส่วนผลการดำเนินงานในปี 2567 บริษัทมีเบี้ยประกันภัยรับรวม 31,736.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.1% เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน มีผลกำไรจากการรับประกันภัยหลังหักค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน 1,871.0 ล้านบาท ลดลง 9.6% กำไรจากการลงทุนสุทธิ 1,799.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 38.5% ทำให้บริษัทมีกำไรก่อนหักค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ 3,670.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.9% และมีกำไรสุทธิ 3,059.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.5% คิดเป็นกำไรต่อหุ้นขั้นพื้นฐานที่ 28.74 บาท และบริษัทยังคงรักษาอันดับความน่าเชื่อถือทางการเงินในระดับสูง หรือ Credit Rating A- (Stable) ณ เดือนตุลาคม 2567 โดย Standard & Poor's หรือ S&P

"กำไรปี 67 ที่ 3,060 ล้านบาท ถือว่าเป็น New High ซึ่งหลักๆ ยังมาจากธุรกิจประกันภัย โดยเฉพาะ BKI แม้ว่าเบี้ยประกันภัยรับรวมปี 67 จะพลาดเป้าที่วางไว้ว่าจะเติบโต 7% แต่ทำได้ 6% ซึ่งเกิดจากยอดขายรถยนต์ที่ต่ำกว่าเป้า ตลอดจนภัยธรรมชาติ โดยเฉพาะน้ำท่วม และเศรษฐกิจที่ยังเปราะบาง หนี้ครัวเรือนที่สูงมากกว่า 90% ของจีดีพี" ดร.อภิสิทธิ์ กล่าว

ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท มีมติจ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหุ้นงวดสุดท้ายของปี 2567 อีกหุ้นละ 5.75 บาท รวมกับการจ่ายปันผลระหว่างกาลไปแล้วหุ้นละ 11.25 บาท รวมทั้งปีจ่ายปันผลหุ้นละ 17 บาท โดยมีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลอยู่ที่ 5.84%

ปัจจุบัน BKI เป็นบริษัทย่อยที่สร้างรายได้แก่ บริษัท บีเคไอ โฮลดิ้งส์ จำกัด(มหาชน) หรือ BKIH ที่ประกอบธุรกิจผ่านการถือหุ้นในบริษัทอื่น หรือ Holding Company โดยมุ่งลงทุนในธุรกิจหลักด้านการประกันภัยและธุรกิจอื่นที่หลากหลายและมีศักยภาพ โดยผลการดำเนินงานในปี 2567 มีรายได้รวม 23,422.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.8% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันปีก่อน โดยมีรายได้จากการรับประกันภัย 21,481.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.9% และรายได้จากการลงทุน 1,940.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 39.0% โดยมีผลกำไรจากการดำเนินงาน 1,854.8 ล้านบาท และกำไรสุทธิจากการลงทุน 1,802.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 38.7% ทำให้มีกำไรก่อนหักค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ 3,657.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.6% และมีกำไรสุทธิ 3ฅ046.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.1%

สำหรับเงินลงทุนตามราคาทุน ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567 ของบริษัทอยู่ที่ 30,000 ล้านบาท แบ่งเป็น ตราสารหนี้ สัดส่วน 35% และ ตราสารทุน สัดส่วน 65% ซึ่งคิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากการลงทุน (Return on Investment : ROI) อยู่ที่ 3.75% ของมูลค่าเงินลงทุนตามราคาทุน

ขณะที่การปรับประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้า(EV) ของบริษัท มีพอร์ตอยู่ 7,000 คัน คิดเป็นมูลค่าเบี้ยประกันราว 215 ล้านบาท และค่าสินไหมทดแทน (loss ratio) ในช่วงที่ผ่านมา อยู่ที่ 68% จากตลาดรถยนต์ไฟฟ้าที่ 160,000 คัน