นิวส์ คอนเน็คท์ – TISCO กำไรหดตัว 14.2% รับพิษการระบาดของไวรัสโควิด-19 ฉุดยอดปล่อยสินเชื่อชะลอตัวแรง ส่งผลกระทบต่อรายได้ค่าธรรมเนียมจากแบงก์แอสชัวร์รันส์ ขณะที่รายได้ค่านายหน้าจากธุรกิจหลักทรัพย์ยังเติบโตตามปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้น

เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2563 นายสุทัศน์ เรืองมานะมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มทิสโก้ บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TISCO เปิดเผยว่า ผลประกอบการงวดไตรมาส 1/63 ของบริษัทและบริษัทย่อย มีกำไรสุทธิจำนวน 1,483.99 ล้านบาท ลดลง 14.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันกับปีก่อน โดยภายใต้สถานการณ์การระบาดของโควิด-19 และการชะลอตัวของเศรษฐกิจในประเทศ ส่งผลให้ธุรกิจธนาคารได้รับผลกระทบโดยตรง รวมทั้งยังได้รับผลกระทบจากมาตรฐานบัญชี TFRS 9

โดยรายได้ดอกเบี้ยสุทธิในไตรมาส 1/63 อยู่ที่ 3,430.43 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันกับปีก่อน ซึ่งเป็นผลจากอัตราผลตอบแทนของเงินให้สินเชื่อที่เพิ่มขึ้นตามการขยายสัดส่วนสินเชื่อไปยังกลุ่มสินเชื่อเพื่อการอุปโภคบริโภคซึ่งมีอัตราผลตอบแทนในระดับสูง รวมทั้งเป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงการรับรู้รายได้ดอกเบี้ยตามมารตรฐานบัญชี TFRS 9 ซึ่งคำนวณรายได้ดอกเบี้ยตามวิธีอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง และรับรู้รายได้ดอกเบี้ยของลูกหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้

ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนของเงินให้สินเชื่อเพิ่มขึ้นจาก 6.9% ในไตรมาส 1/62 มาอยู่ที่ 7.3% ขณะที่ต้นทุนเงินทุนลดลงจาก 2.1% มาอยู่ที่ 1.8% ส่งผลให้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยของเงินให้สินเชื่อเพิ่มขึ้นจาก 4.8% มาเป็น 5.5% ในขณะที่ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย(NIM) เพิ่มขึ้นจาก 4.1% มาอยู่ที่ 4.4%

สำหรับรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยลดลง 2.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันกับปีก่อน โดยรายได้ค่าธรรมเนียมจากธุรกิจธนาคารพาณิชย์ลดลง 7.9% จากการอ่อนตัวลงของธุรกิจนายหน้าประกันภัยตามการปล่อยสินเชื่อใหม่ที่ลดลง และการลดลงของรายได้ค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจสินเชื่อ ขณะที่รายได้ค่านายหน้าจากการซื้อขายหลักทรัพย์เพิ่มขึ้น 25.2% จากปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์ของลูกค้ากลุ่มสถาบันในประเทศและลูกค้ารายย่อยที่เพิ่มขึ้น ในส่วนของรายได้ค่าธรรมเนียมจากธุรกิจจัดการกองทุนเพิ่มขึ้น 10.8% จากการออกกองทุนเพิ่มขึ้นในสภาวะตลาดทุนผันผวน

>>>สามารถอ่านข่าวเพิ่มเติมได้ทาง http://www.newsconnext.com
หรือติดตามผ่านช่อง Line@ ได้ที่ News Connext
ช่องทาง Fanpage Facebook ได้ที่ https://www.facebook.com/connextnews