Phones





บล.โกลเบล็ก แนะช้อปหุ้นรับอานิสงส์ 'คนละครึ่ง' เฟสใหม่

2025-09-15 11:15:07 81



นิวส์ คอนเน็คท์ - บล. โกลเบล็ก ประเมินหุ้นไทยสัปดาห์นี้ Sideway Up มองดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,270–1,320 จุด รับแรงหนุนคาดการณ์ FED ลดดอกเบี้ย-จับตาเศรษฐกิจโลกตึงเครียด- ค่าเงินบาทแข็งกดรายได้ส่งออกในรูปเงินบาทลดลง แนะกลยุทธ์ลงทุนหุ้นรับอานิสงส์โครงการคนละครึ่งเฟสใหม่

เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2568 นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีในสัปดาห์นี้ มีแนวโน้มปรับตัวขึ้นในลักษณะ “Sideway Up” โดยให้กรอบการเคลื่อนไหวที่ระดับ 1,270-1,320 จุด โดยได้ปัจจัยสนับสนุนการรายงานข้อมูลแรงงานและตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ล่าสุด ได้สะท้อนถึงภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ส่งผลให้ตลาดมีความคาดหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์นี้ (วันที่ 16-17 ก.ย.) เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและลดต้นทุนทางการเงิน

อีกทั้งสถานการณ์เศรษฐกิจโลกยิ่งตึงเครียดมากขึ้น หลังจากรัฐบาลสหรัฐฯ เตรียมกดดันให้ญี่ปุ่นและประเทศสมาชิกกลุ่ม G7 ปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนและอินเดีย เพื่อเป็นมาตรการลงโทษที่ทั้งสองประเทศยังคงซื้อน้ำมันจากรัสเซียอย่างต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมายเพื่อเร่งยุติสงครามรัสเซีย–ยูเครน และลดแหล่งทุนของรัสเซีย

ส่วนสถานการณ์ในประเทศไทยยังเผชิญแรงกดดันจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นกว่า 7% ตั้งแต่ต้นปี 2568 เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะที่ประเทศคู่แข่งสำคัญ เช่น จีน อินเดีย เวียดนาม และสิงคโปร์ ต่างมีค่าเงินที่อ่อนลง ส่งผลให้เกิดความแตกต่างด้านอัตราแลกเปลี่ยนอย่างมีนัยสำคัญ ทำให้สินค้ากลุ่มอาหารไทยมีราคาสูงกว่าคู่แข่งลดความสามารถในการแข่งขันแม้จะมีคุณภาพและมาตรฐานสากลที่เทียบเท่าหรือเหนือกว่า พร้อมทั้งยังคงจับตาการดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากรัฐบาลชุดใหม่ ซึ่งมีแนวโน้มเร่งออกนโยบายสนับสนุนการบริโภคและการลงทุนในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี โดยเฉพาะโครงการกระตุ้นกำลังซื้อ เช่น “คนละครึ่ง” และมาตรการลดภาษี

ล่าสุดหอการค้าไทยรายงานผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในเดือนสิงหาคม 2568 พบว่าค่าดัชนีอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ 33 เดือน และ 32 เดือน ตามลำดับ สะท้อนความกังวลของภาคธุรกิจต่อเสถียรภาพทางการเมืองและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ล่าช้า

นอกจากนี้ ยังคงต้องเฝ้าระวังปัจจัยในประเทศที่อาจจะส่งผลต่อการลงทุนได้เช่นกัน อาทิ สัปดาห์ที่ 3 สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย แถลงยอดผลิตและส่งออกรถยนต์ รถจักรยานยนต์ และชิ้นส่วน ยานยนต์, สัปดาห์ที่ 4 สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย แถลงดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม, กระทรวงพาณิชย์ แถลงภาวะการค้าระหว่างประเทศ, สัปดาห์ที่ 5 สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลัง, ภาวะเศรษฐกิจภูมิภาค, ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค, สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม แถลงดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรม, วันที่ 30 ก.ย. ธปท.รายงานภาวะเศรษฐกิจและการเงินไทย 

ส่วนปัจจัยต่างประเทศที่ยังเฝ้าติดตาม อาทิ วันนี้ 15 ก.ย. จีน รายงานราคาบ้านเดือน ส.ค. ยอดค้าปลีกเดือน ส.ค. การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือน ส.ค. การลงทุนในสินทรัพย์ถาวรเดือน ส.ค. และอัตราว่างงานเดือน ส.ค., สหรัฐฯ รายงานดัชนีภาคการผลิต (Empire State Manufacturing Index) เดือน ก.ย., วันที่ 16 ก.ย. อียู รายงานการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือน ก.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจเดือน ก.ย., สหรัฐฯ รายงานยอดค้าปลีกเดือน ส.ค. การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือน ส.ค. สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือน ก.ค. และดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือน ก.ย., วันที่ 17 ก.ย. ญี่ปุ่น รายงานยอดนำเข้า ยอดส่งออก และดุลการค้าเดือน ส.ค., สหรัฐฯ รายงานตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือน ส.ค. และสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์, วันที่ 16-17 ก.ย. ประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ
นายวัชเรนทร์ จงยรรยง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก แนะนำกลยุทธ์การลงทุนในหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการประกาศของกระทรวงการคลังถึงความพร้อมในการเดินหน้าโครงการ “คนละครึ่ง” เฟสใหม่ โดยใช้งบประมาณ 25,000 ล้านบาท ที่ได้รับการอนุมัติแล้วส่งผลเชิงบวกต่อหุ้นในกลุ่มค้าปลีกและสินค้าอุปโภคบริโภค ได้แก่ CPALL, BJC, CPAXT, CBG, OSP, SAPPE และ TNP ได้รับแรงหนุนจากมาตรการนี้โดยตรง โดยเฉพาะ CPAXT และ TNP ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการกระจายสินค้าไปยังร้านค้าท้องถิ่นที่เข้าร่วมโครงการ ขณะที่กลุ่มเครื่องดื่มและอาหาร เช่น CBG, OSP และ SAPPE ก็ได้รับประโยชน์จากการเพิ่มขึ้นของยอดขายในช่องทางร้านค้ารายย่อย