Phones





BEAUTYแนวโน้มธุรกิจครึ่งปีหลังดีกว่าครึ่งปีแรก

2019-08-14 10:00:07 193




นิวส์ คอนเน็คท์ - BEAUTYแนวโน้มธุรกิจครึ่งปีหลังดีกว่าครึ่งปีแรก ทยอยรับรู้รายได้จากการปรับกลยุทธ์จัดโครงสร้างการจัดจำหน่าย รุกตลาดต่างประเทศ มุ่งขยายธุรกิจเพิ่มจากช่องทางร้านค้าปลีก ( Non Retail ) ในประเทศ เผยผลประกอบการครึ่งปีแรก 2562 รายได้ 1,080.3 ล้านบาท กำไรสุทธิ 116.3 ล้านบาท คาดการณ์รายได้ปีนี้ 2,200 ล้านบาท ประกาศจ่ายปันผลระหว่างกาล 0.035 บาท/หุ้น


นายแพทย์สุวิน ไกรภูเบศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิวตี้ คอมมูนิตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ BEAUTY ผู้ดำเนินธุรกิจค้าปลีกจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางและบำรุงผิว เปิดเผยว่า แนวโน้มธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลังจะเติบโตดีกว่าครึ่งปีแรก จากการปรับกลยุทธ์โครงสร้างการจัดจำหน่ายทั้งในและต่างประเทศในช่วงที่ผ่านมา มุ่งเน้นเพิ่มสัดส่วนรายได้โดยขยายธุรกิจนอกจากช่องทางร้านค้าปลีก ( Non Retail )ในประเทศ และเดินหน้ารุกตลาดต่างประเทศมากขึ้น จากกลยุทธ์ดังกล่าวจะช่วยผลักดันรายได้ให้เติบโต และรักษาอัตรากำไรสุทธิที่ดี เนื่องจากมีต้นทุนดำเนินการที่ต่ำ และเป็นการบริหารจัดการความเสี่ยงลดการพึ่งพิงตลาดใดตลาดหนึ่งมากเกินไป


ทั้งนี้ ตลาดในประเทศจะมุ่งเน้น ช่องทางการขายที่ไม่ใช่ร้านค้าปลีก ( Non Retails ) เช่น ขยายช่องทางการจำหน่ายผ่านช่องทางอีคอมเมิร์ซ ช่องทางสินค้าอุปโภค สินค้าประจำวัน (Consumer Product) ช่องทางกิจกรรมการตลาด บิวตี้ เฟส ( BEAUTY FEST ) ซึ่งเป็นช่องทางจำหน่ายสินค้าในรูปแบบของงานแสดงสินค้า สามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้ทุกแห่ง และช่องทางการจำหน่ายใหม่ โฮมชอปปิ้ง ซึ่งได้เริ่มออกอากาศแล้วในเดือน กรกฎาคม 2562 รวมทั้งใช้กลยุทธ์สินค้าขับเคลื่อน (Product Driven) ซึ่งในปีนี้มีแผนสร้าง Product Hero จำนวน 57 รายการ

สำหรับตลาดต่างประเทศ ในปีนี้มีแผนขยายตลาดจำนวน 15 ประเทศ ปัจจุบันมีตัวแทนจำหน่าย13 ประเทศ ประกอบด้วย สิงคโปร์ ไตหวัน มาเลเซีย เมียนม่า ฟิลิปปินส์ เวียดนาม อินโดนีเซีย ฮ่องกง ลาว บรูไน อินเดีย ญี่ปุ่น และประเทศจีน(Mainland Chaina) สำหรับสาธารณรัฐประชาชนจีนถือว่าเป็นตลาดใหญ่ มีโอกาสทางธุรกิจสูง ปัจจุบันบริษัทได้แต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายแล้วจำนวน 4 ราย และปัจจุบันมีจุดจำหน่าย 25,296 จุดจำหน่าย อีกทั้งยังเน้นรุกตลาดประเทศจีน โดยกระจายสินค้าผ่านช่องทาง Cross Border E-commerce อย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันบริษัทมีสินค้าวางจำหน่ายแล้วจำนวน 10 Platforms อาทิ TMALL, JD, Kaola, VIP, YUNJI, Little Redbook, Beidiam, Jumei , PIN DUO DUO และ Global Scaner และในปีนี้มีแผนเจรจาเพิ่มทั้งจำนวน Platform และขยายจำนวน SKUs สินค้าเข้าจำหน่าย รวมทั้งมีแผนแต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายในอีก 3 ประเทศเป้าหมาย คือ รัสเซีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ แคนาดา


สำหรับผลประกอบการงวดไตรมาส 2 มีรายได้รวม 531.6 ล้านบาท ลดลง 3.1 % จากไตรมาสก่อนที่มีรายได้รวม 548.7 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 46.8 ล้านบาท ลดลง 32.8% จากไตรมาสก่อนที่มีกำไรสุทธิ 69.6 ล้านบาท ขณะที่ผลประกอบการครึ่งปีแรก 2562 บริษัทมีรายได้รวม 1,080.3 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 1,762.5 ล้านบาท ลดลง 38.7% และมีกำไรสุทธิ 116.3 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 538.8 ล้านบาท ลดลง 78.4%


ทั้งนี้ผลประกอบการปรับตัวลดลง เนื่องจากกำลังซื้อผู้บริโภคในประเทศหดตัว นักท่องเที่ยวจีนกลุ่ม ผู้ซื้อสินค้ารายย่อยไปจำหน่าย (Wholesale ) ลดลงเป็นจำนวนมาก อีกทั้งการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นในตลาดเครื่องสำอาง ด้านตลาดต่างประเทศได้รับผลกระทบจากกฎหมายควบคุมการนำเข้าสินค้าจีน การอ่อนค่าเงินหยวนและค่าเงินบาทแข็งตัวอย่างต่อเนื่อง ทำให้การส่งออกสินค้าทุกประเภทไปประเทศจีนน้อยลง
อย่างไรก็ตามธุรกิจ BEAUTY ยังมีศักยภาพในการเติบโตจากการปรับกลยุทธ์โครงสร้างการจัดจำหน่ายทั้งในและต่างประเทศ และยังได้รับคำสั่งซื้อสินค้าจากตัวแทนจำหน่ายประเทศจีนและประเทศอื่นๆอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสินค้า BEAUTY ได้รับความนิยมในกลุ่มผู้บริโภคจีนและประเทศเขตเอเซีย โดยคาดการณ์รายได้ทั้งปี 2562 ที่ประมาณ 2,200 ล้านบาท


นอกจากนี้ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท มีมติอนุมัติให้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากผลการดำเนินงานงวด 6 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย.62 แก่ผู้ถือหุ้นในอัตรา 0.035 บาทต่อหุ้น หรือคิดเป็น 90.10 %ของกำไรสุทธิ โดยจ่ายเงินปันผลเป็นเงินสดรวมทั้งสิ้น 104.8 ล้านบาท โดยจะทำการกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับปันผล(Record Date)ในวันที่ 28 ส.ค. 62 และกำหนดจ่ายปันผลในวันที่ 9 ก.ย. 62