“PT Max Rest” ยกระดับปั๊มแลนด์มาร์กใหม่ (สกู๊ปพิเศษ)

ท่ามกลางการแข่งขันที่ทวีความแรงมากขึ้นของสถานีบริการน้ำมัน โดยเฉพาะการพัฒนา ปรับปรุง ประสิทธิภาพการให้บริการ และปรับรูปลักษณ์ปั๊มน้ำมันและเพิ่มความสะดวกสบายให้ทันสมัยมากขึ้นตามพฤติกรรมของผู้บริโภค เป็นผลให้แต่ละค่ายน้ำมันต่างมุ่นมั่นในการเสริร์ฟบริการที่ดีขึ้นแก่ลูกค้า เช่นเดียวกับ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG เจ้าของและผู้บริหารปั๊มน้ำมันภายใต้แบรนด์ "PT"

ปักหมุดปั๊มแลนด์มาร์คใหม่ “PT Max Rest นครชัยศรี 11”

ล่าสุด บริษัท แอตลาส เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ ATLAS จับมือกับ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG สร้างปรากฏการณ์ครั้งสำคัญ เปิดตัวสถานีบริการน้ำมันพีทีและก๊าซ LPG ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ภายใต้ชื่อ “PT Max Rest นครชัยศรี 11” บนพื้นที่กว่า 16 ไร่ บนถนนเพชรเกษม อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม ด้วยงบประมาณการลงทุนกว่า 200 ล้านบาท ดำเนินการภายใต้ บริษัท โอลิมปัส ออยล์ จำกัด บริษัทในเครือ PTG

สถานีบริการแห่งนี้ ถูกพัฒนาภายใต้แนวคิด Resting Area ผสานกับ Lifestyle Station อย่างเต็มรูปแบบ เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่ มอบความสะดวกสบายครบวงจร และเติมเต็มทุกพลังแห่งการเดินทาง 

นายสุวัชชัย พิทักษ์วงศาภรณ์ กรรมการผู้จัดการ ATLAS เผยถึงวัตถุประสงค์การเปิดสถานี PT Max Rest นครชัยศรี 11 ว่า เพื่อเป็นการยกระดับสถานีบริการน้ำมันพีทีและ LPG ให้เป็นพื้นที่สำหรับพักผ่อนและบริการครบวงจร ตอบโจทย์นักเดินทางบนถนนสายหลัก และชาวจังหวัดนครปฐม โดยมีเป้าหมายเป็น "แหล่งแวะพัก" หรือ "Resting Area Destination" 

"การสร้าง Destination แห่งใหม่ ที่ไม่ได้เป็นเพียงจุดพัก แต่เป็นสถานที่ที่รวมบริการครบวงจรไว้ด้วยกัน ทั้งกาแฟพันธุ์ไทย, กาแฟ Coffee World, ร้านอาหารบริการด่วน Subway ซึ่งเป็นสาขา Flagship Drive Thru แห่งแรกของประเทศ และยังมีศูนย์บริการและซ่อมบำรุงรถยนต์ Autobacs อีกทั้งการตอบโจทย์เมกะเทรนด์ด้านยานยนต์ไฟฟ้าผ่าน จุดชาร์จ EV “Elex by EGAT PT” และร้านค้าชั้นนำอื่นๆ พร้อมด้วยพื้นที่สีเขียวจุดพักผ่อนของผู้ใช้รถใช้ถนน เพื่อส่งเสริมความปลอดภัยในการเดินทาง จนเป็นเสมือน lifestyle station สำหรับคนยุคใหม่ 

ขณะที่ นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ PTG กล่าวว่า "PT Max Rest นครชัยศรี 11 จะเป็นก้าวสำคัญที่สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพและวิสัยทัศน์อันโดดเด่นของการพัฒนาสถานีบริการน้ำมัน และ LPG รูปแบบใหม่ในประเทศไทย ภายใต้การบริหารของแอตลาส และ โอลิมปัส ออยล์ ที่จะช่วยเสริมสร้าง Ecosystem ของ PTG ให้เกิดความแข็งแกร่ง ครบวงจร และยั่งยืนในอนาคต และเชื่อมโยงจากหน่วยธุรกิจพลังงาน ไปจนถึงผลิตภัณฑ์ Non-Oil อันจะนำไปสู่การส่งเสริมให้กลุ่มธุรกิจของ PTG มีความสามารถในการแข่งขันเพิ่มขึ้น"

อัพเป้าธุรกิจ Non-Oil เติบโต 50-60%

จับโฟกัสไปที่ธุรกิจของ PTG ในช่วงครึ่งหลังของปี 2568 หลังจากที่ครึ่งปีแรกมีรายได้จากการขายและการให้บริการอยู่ที่ 113,903 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.0% จากช่วงเดียวกันปีก่อน โดยมีปัจจัยหลักมาจากการเติบโตของธุรกิจ Non-Oil ที่มีรายได้จากการขายและการให้บริการจำนวน 10,961 ล้านบาท เติบโต 34% มาจากธุรกิจกาแฟพันธุ์ไทยที่มีรายได้จากการขายและการบริการเติบโต 125.1% จากช่วงเดียวกันปีก่อน เป็นจำนวน 2,178 ล้านบาท เป็นผลจากการขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง โดยครึ่งแรกของปี 2568 มีจำนวนสาขาทั้งสิ้น 1,642 สาขา เพิ่มขึ้น 295 สาขา เทียบกับสิ้นปี 2567 รวมถึงการจัดแคมเปญทางการตลาดที่มีออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยรายได้จากธุรกิจ Non-Oil คิดเป็นสัดส่วน 9.6% ของรายได้ทั้งหมด เพิ่มขึ้นจาก 7.3% ของปีก่อน

"จากการเติบโตอย่างโดดเด่นในช่วงครึ่งปีแรก บริษัทฯ จึงได้ปรับเป้าหมายการเติบโตของรายได้จากธุรกิจ Non-Oil (ไม่รวม LPG) ในปี 2568 ขึ้นเป็น 50-60% จากเป้าเดิมเติบโตที่ 40-50% และได้ปรับสัดส่วนกำไรขั้นต้นของธุรกิจ Non-Oil ขึ้นจากเดิม 30-35% เป็น 35-40% จากการขยายจำนวนสาขาอย่างก้าวกระโดด การบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ การเพิ่มสัดส่วนสินค้าที่มีอัตรากำไรสูง และการพัฒนาแคมเปญเพื่อกระตุ้นการใช้บริการซื้อ โดยตั้งเป้าการขยาย Touchpoints ให้ครบ 2,978 สาขาภายในสิ้นปี 2568 ประกอบด้วย ร้านกาแฟพันธุ์ไทย 1,947 สาขา และ Non-Oil Touchpoints อื่นๆ 1,031 สาขา" นายพิทักษ์ กล่าว

กูรูหุ้นเชียร์ “ซื้อ” PTG เคาะเป้าสูงสุด 11 บ.

ทั้งนี้ บล. ฟิลลิป (ประเทศไทย) ระบุว่า PTG ยังคงเน้นเดินหน้าขยายธุรกิจกาแฟพันธุ์ไทย โดยปี 2568 ตั้งเป้าขยายสาขาเป็น 1,947 สาขา จากเดิมปี 2567 อยู่ที่ 1,347 สาขา โดยช่วงครึ่งปีแรกอยู่ที่ 1,642 สาขา ทำให้ยอดขายธุรกิจ Non-Oil ครึ่งปีแรกโต 62.6% ซึ่งปัจจัยหลักมาจากการเติบโตของธุรกิจกาแฟพันธุ์ไทยที่มีรายได้เพิ่มขึ้นประมาณ 125% ทำให้บริษัทฯ มีการปรับเป้าหมายการเติบโตของธุรกิจ Non-Oil จากเดิมตั้งเป้าเติบโต 40-50% เป็น 50-60% เทียบปีก่อน เช่นเดียวกับสัดส่วนของกำไรขั้นต้นของธุรกิจ Non-Oil ปรับเพิ่มจากเดิมที่ 30-35% เป็น 35-40% ขณะที่ธุรกิจ Oil มีการปรับเป้าหมายลง เนื่องจากสถานการณ์ทางเศรษฐกิจภายในประเทศที่ฟื้นตัวช้า โดยปรับเป้าลงเหลือการเติบโต 1-3% จากช่วงไตรมาส 1/2568 ที่ตั้งเป้าเติบโต 5-10%

สำหรับมุมมองการลงทุนระยะยาว ยังคงแนะนำ “ซื้อ” แต่เนื่องจากราคาปรับตัวขึ้นมาระดับหนึ่งแล้ว การเข้าลงทุนอาจรอจังหวะราคาอ่อนตัวแล้วทยอยเข้าสะสม โดยให้ราคาเป้าหมายไว้ที่ 10.20 บาทต่อหุ้น 

บล. ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) ประเมินแนวโน้มเผลดำเนินงานไตรมาส 3/2568 อาจจะอ่อนตัวลงตามฤดูกาล จากยอดขายน้ำมันชะลอชั่วคราว แต่ยังคงมองว่ากำไรสุทธิทยอยฟื้นตัวต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีหลัง จากแรงหนุนเชิงบวกของโครงสร้างธุรกิจที่เริ่มพึ่งพา Non-Oil มากขึ้น โดยเฉพาะกาแฟพันธุ์ไทยที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยยังคงสมมติฐาน Marketing Margin ปี 2568-2569 ไว้ที่ 1.65 บาทต่อลิตร ปรับคำแนะนำเป็น “ซื้อ” จากเดิม “ถือ” ด้วยราคาเป้าหมายใหม่ที่ 11.00 บาทต่อหุ้น (เดิม 6.70 บาท) อ้างอิง P/E เฉลี่ย 5 ปีย้อนหลัง 20 เท่า

บล. ทรีนีตี้ ประมาณการกำไรปี 2568 ของ PTG ไว้ที่ 1.3 พันล้านบาท แต่อาจจะมี Downside จากค่าใช้จ่ายที่เร่งตัวขึ้นสูงกว่าคาด รวมถึงปริมาณขายน้ำมันที่ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย อย่างไรก็ดี ธุรกิจ Non-Oil มีการเติบโตดี และบริษัทฯ มีแผนจะเร่งขยายธุรกิจกาแฟพันธุ์ไทยมากกว่าที่ตั้งไว้ ฝ่ายวิจัยจึงคงราคาเป้าหมายปี 2568 ที่ 11.00 บาท อิง Avg PER ที่ 14.5 เท่า และคงคำแนะนำ “ซื้อเก็งกำไร”