Phones





โกลเบล็ก ชี้เป้าหุ้นเด็ด รับอานิสงส์ “คนละครึ่งพลัส”

2025-09-29 19:32:48 154



 
นิวส์ คอนเน็คท์ - บล. โกลเบล็ก ประเมินดัชนี SET สัปดาห์นี้เคลื่อนไหว “Sideway Up” รับแรงหนุนจากการแถลงนโยบายรัฐบาลใหม่ ขณะที่ FETCO เสนอ “Quick – Big Win” เสริมความเชื่อมั่นตลาดทุน วางกรอบดัชนีเคลื่อนไหว 1,270–1,320 จุด แนะกลยุทธ์ลงทุนหุ้นรับอานิสงส์โครงการ “คนละครึ่งพลัส”
 
เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2568 นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด (GBS) เปิดเผยว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยมีแนวโน้มเคลื่อนไหวในลักษณะ “Sideway Up” ตลอดสัปดาห์นี้ โดยได้รับแรงสนับสนุนจากความคาดหวังของนักลงทุนต่อการแถลงนโยบายของรัฐบาลชุดใหม่ต่อรัฐสภา ซึ่งกำหนดจัดขึ้นในวันที่ 29–30 กันยายนนี้ ซึ่งเป้นตัวชี้วัดว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจะทยอยประกาศออกมาในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี โดยเฉพาะโครงการที่เกี่ยวข้องกับการเพิ่มกำลังซื้อของประชาชน การลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน และการส่งเสริมภาคธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ส่งผลให้คาดการณ์กรอบดัชนี SET อยู่ที่ 1,270-1,320 จุด
 
ขณะที่ล่าสุดทางสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) ได้เข้าพบ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ เพื่อหารือแนวทางการขับเคลื่อนตลาดทุนไทยผ่านข้อเสนอเชิงนโยบายภายใต้กรอบ “Quick – Big Win” เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ตอกย้ำบทบาทของตลาดทุนในฐานะกลไกหลักในการสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจไทยอย่างยั่งยืน
 
อย่างไรก็ตามยังคงมีปัจจัยภายนอกที่กดดันความเชื่อมั่นของนักลงทุนในระยะสั้น โดยเฉพาะจากฝั่งสหรัฐฯ ซึ่งมีความเคลื่อนไหวสำคัญหลายประการ อาทิ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศเก็บภาษีนำเข้าสินค้าหลายรายการเพิ่มเติม โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. นี้ รวมทั้งสินค้าประเภทตู้ครัว ตู้ล้างหน้า และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องจะถูกเก็บภาษีนำเข้า 50% ขณะที่เฟอร์นิเจอร์หุ้มเบาะจะถูกเก็บภาษี 30% รถบรรทุกขนาดใหญ่จะถูกเก็บภาษี 25% ส่วนผลิตภัณฑ์เภสัชกรรมที่เป็นแบรนด์หรือจดสิทธิบัตรทั้งหมด จะถูกเก็บภาษี 100% ยกเว้นบริษัทที่ตั้งโรงงานผลิตยาขึ้นในสหรัฐฯ
 
ส่วนตัวเลขผู้ขอสวัสดิการว่างงานลดลง โดยตัวเลขล่าสุดที่สหรัฐฯเปิดเผยมีผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 14,000 ราย สู่ระดับ 218,000 รายในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 20 ก.ย. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 235,000 ราย ขณะที่นักลงทุนยังคาดหวังว่า FED จะปรับลดดอกเบี้ยลดลง หากพิจารณาจาก Fed Watch ของ CME บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 83.4% คาดการณ์ว่า FED จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือนต.ค. ซึ่งลดลงจากระดับ 92% ในวันพุธ
 

นอกจากนี้ ยังคงต้องเฝ้าระวังปัจจัยในประเทศที่อาจจะส่งผลต่อการลงทุนได้เช่นกัน อาทิ สัปดาห์ที่ 5 สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลัง, ภาวะเศรษฐกิจภูมิภาค, ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาคสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม แถลงดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรม, วันที่ 29-30 ก.ย. ครม. ยื่นแถลงนโยบายต่อรัฐสภา, วันที่ 30 ก.ย. ธปท.รายงานภาวะเศรษฐกิจและการเงินไทย, วันที่ 8 ต.ค. กำหนดประชุมกนง. ครั้งที่ 5/2568
 
ส่วนปัจจัยต่างประเทศที่ยังเฝ้าติดตาม อาทิ วันที่ 29 ก.ย. อียู รายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.ย., สหรัฐฯ รายงานยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขายเดือนสิงหาคม และดัชนีการผลิตเดือนกันยายน, วันที่ 30 ก.ย. ธนาคารกลางญี่ปุ่น(BOJ) เปิดเผยรายงาน Summary of Opinions, ญี่ปุ่น รายงานการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนสิงหาคม และยอดค้าปลีกเดือนส.ค., สหรัฐฯ รายงานตัวเลขการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) เดือนส.ค. ราคาบ้านเดือนก.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.ย., วันที่ 28-29 ต.ค. ประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ครั้งที่ 7/68
 
สำหรับกลยุทธ์การลงทุนแนะนำลงทุนในหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการประกาศของกระทรวงการคลังถึงความพร้อมในการเดินหน้าหุ้นที่ได้ประโยชน์จากโครงการคนละครึ่งพลัสที่คาดว่าจะใช้ได้ในเดือนต.ค. นี้ โดยใช้งบประมาณ 25,000 ล้านบาท โดยหุ้นกลุ่มค้าปลีกและสินค้าอุปโภคบริโภคที่มีแนวโน้มได้รับประโยชน์โดยตรงจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจดังกล่าวได้แก่ CPALL BJC CPAXT CBG OSP SAPPE TNP และ MOTHER