Phones





โบรกฯ ส่อง GUNKUL โตแกร่ง เคาะเป้าซื้อ 2.50 บ./หุ้น

2025-10-14 10:53:55 117



นิวส์ คอนเน็คท์ - บล.โกลเบล็ก ส่องแนวโน้ม GUNKUL เติบโตจากกำลังการผลิตใหม่ที่รอจ่ายไฟเชิงพาณิชย์ 835 เมกะวัตต์ จากพอร์ตโฟลิโอของการผลิตพลังงานสีเขียวทั้งหมดที่ 1,260 เมกะวัตต์ คงคำแนะนำ "ซื้อ" และราคาเป้าหมาย 2.50 บาท

เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2568 บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) โกลเบล็ก หรือ GBS เผยแพร่บทวิเคราะห์แนวโน้มธุรกิจ บริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ GUNKUL ผู้นำห่วงโซ่พลังงานครบวงจรของประเทศไทย โดยระบุว่า จากการที่บริษัทเดินกลยุทธ์แจก “Stock dividend” หรือการจ่ายปันผลเป็นหุ้น แทนที่จะเป็นเงินสด (2555-2562) และการลงทุนที่ไม่ค่อยสดใสจากธุรกิจกัญชง (2565-2567) แต่มาวันนี้ GUNKUL ภายใต้ผู้บริหารชุดใหม่นำโดย นางสาวนฤชล ดำรงปิยวุฒิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร จะมีการ Transform และการเปลี่ยนแปลงมากมายที่อาจทำให้กลายเป็นองค์กรที่มีการเติบโตยุคใหม่แบบยั่งยืน ด้วยทิศทางยุทธศาสตร์ใหม่ ประกอบด้วย

1) Build business muscles โดย GUNKUL มีจุดแข็งที่ไม่มีบริษัทไทยมีโมเดลธุรกิจใกล้เคียง เพราะ GUNKUL ประกอบธุรกิจทั้งต้นน้ำ (ผลิตอุปกรณ์ไฟฟ้า) , กลางน้ำ (EPC), และปลายน้ำ (ผลิตไฟฟ้า) ต่างจากคู่แข่งอื่นที่ไม่ได้ประกอบธุรกิจครบต่อเนื่องกันทั้งสามส่วน และนี่ทำให้ GUNKUL สามารถเติบโตได้ทั้งสามชั้นพร้อมกันจากโรงไฟฟ้าหนึ่งโครงการ , 2) Trim operational fat โดยลดต้นทุนและหาพาร์ตเนอร์ร่วมพัฒนาโรงไฟฟ้าเพื่อเพิ่มศักยภาพ ในการเติบโตทั้งจากโครงการใหม่และการเข้าซื้อกิจการในประเทศและต่างประเทศและปลดล็อคภาระหนี้ และ 3) Create stakeholder impact ด้วยการเน้นประโยชน์จาก Economies of Scales /Scopes /Speed ที่มีพร้อมในองค์กรปัจจุบัน

สำหรับสาเหตุที่ทำให้ราคาหุ้นผันผวนอย่างรุนแรงในช่วงที่ผ่านมา เนื่องจากระหว่างปี 2555-2562 GUNKUL ประกาศจ่ายปันผลเป็นหุ้นรวมทั้งสิ้น 7 ครั้ง ส่งผลให้จำนวนหุ้นที่ออกจำหน่ายในตลาดเพิ่มขึ้นกว่า 4.55 เท่า จาก 1.6 พันล้านหุ้น ในเดือนเมษายน 2555 เป็น 8.83 พันล้านหุ้น ในเดือนเมษายน 2562 แม้ว่าบริษัทจะมีกำไรสุทธิเติบโตต่อเนื่องจาก 90 ล้านบาทในปี 2554 เป็น 2.1 พันล้านบาท ในปี 2562 ซึ่งเป็นผลจากการทยอยเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ของโครงการโซลาร์ฟาร์มและวินด์ฟาร์ม แต่กำไรต่อหุ้น (EPS) ของ GUNKUL กลับปรับลดลงจาก 0.475 บาทในปี 2555 เป็น 0.242 บาทในปี 2562 และแตะระดับต่ำสุดที่ 0.086 บาทในปี 2560 โดยมีสาเหตุหลักมาจากการที่บริษัทเลือกจ่ายปันผลเป็นหุ้นแทนการจ่ายปันผลเป็นเงินสด

อย่างไรก็ตาม จากกำลังการผลิตที่มีการลงนามสัญญาครบถ้วนแล้วรวม 835 เมกะวัตต์ คาดการณ์ว่ากำไรสุทธิของ GUNKUL มีแนวโน้มที่จะเติบโตต่อเนื่องจาก 1.7 พันล้านบาทในปี 2567 สู่ระดับ 3.1 พันล้านบาทภายในปี 2573 ซึ่งหมายความว่า กำไรสุทธิของ GUNKUL จะเติบโต 11% ในปี 2567-2573 โดยสมมติฐานของฝ่ายวิจัยฯ พิจารณาแบบคอนเซอร์เวทีพ

ทั้งนี้ เชื่อว่าตอนนี้ GUNKUL ใกล้จะเข้าสู่การเติบโตระลอกใหม่ (S-curve) มาจากการเติบโตของกำลังการผลิตที่ได้ในเฟส 1.0 และ 2.1 ว่าน่าจะทำให้กำไรสุทธิเติบโตมากกว่าที่คาดไว้ในปี 2568-2570 โดยนโยบายด้านพลังงานของภาครัฐ ทั้งโซลาร์ฟาร์มชุมชน 1.5 GW มีทิศทางที่คาดว่าจะชัดเจนมากขึ้น และแผนการเปิดเสรี Private PPA ไปสู่โมเดลพลังงานใหม่ที่เป็น Direct PPA ซึ่งจะหนุนการเติบโตเพิ่มเติมให้กับ GUNKUL แนะนำ "ซื้อ" ที่ราคาเป้าหมาย 2.50 บาทต่อหุ้น