Phones
หน้าแรก
Stock
เศรษฐกิจมหภาค
แบงก์ - Finance
อสังหาริมทรัพย์ - Marketing
ประกัน - ท่องเที่ยว
Variety
สกู้ป พิเศษ
SET
PTECH เร่งเครื่องธุรกิจ แย้มผลงานครึ่งปีหลังสดใส
MAI
MMM ปิดจอง PO เตรียมเทรด mai 7 พ.ย.
IPO
ก.ล.ต.นับหนึ่งไฟลิ่ง ‘TEBP’ ขาย IPO 90 ล้านหุ้น
บล./บลจ
กบข. ผนึกกำลังจุฬาฯ ปั้นนักลงทุนรุ่นใหม่
เศรษฐกิจ-การเงิน-การคลัง
วิจัยกรุงศรี จับสัญญาณกนง.หั่นดอกเบี้ย หนุนศก.ฟื้น
การค้า - พาณิชย์
พาณิชย์ดันข้าวไทยในงาน Anuga 2025 พร้อมลุยตลาดยุโรป
พลังงาน - อุตสาหกรรม
ฟร้อนท์ไลน์ฯ เดินหน้าสู่ผู้นำการจัดการน้ำครบวงจร
คมนาคม - โลจิสติกส์
SO คว้า 4 ดาว CGR ปี 68
แบงก์ - นอนแบงก์
ธนาคารกรุงเทพ แจ้งปิดปรับปรุงระบบชั่วคราว
ไฟแนนซ์ - ลิสซิ่ง
PUEAN ชำระคืนหุ้นกู้ตามนัด ลุยดันพอร์ตสินเชื่อแตะพันล้าน
SMEs - Startup
SCBX จับมือ สกมช. เสริมแกร่งความมั่นคงไซเบอร์ไทย
ประกันภัย - ประกันชีวิต
คปภ. ประกาศความสำเร็จ “InsurTech Summit 2025” ปีที่ 2
รถยนต์
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ชี้อุตฯรถยนต์ – ชิ้นส่วน ปัจจัยเสี่ยงรุมเร้า
ท่องเที่ยว
GCAP เปิดตัวโดรนโดยสารไร้คนขับครั้งแรกในไทย เจาะตลาดการท่องเที่ยว
อสังหาริมทรัพย์
ศุภาลัย อัดแคมเปญ 'SUPALAI PICK SALE คว้าดีลเล่นใหญ่'
การตลาด
AEROFLEX ชวนสัมผัส “ความเย็นที่รู้สึกได้ ผลลัพธ์ที่พิสูจน์ได้จริง”
CSR
SCBX จับมือ สกมช. เสริมแกร่งความมั่นคงไซเบอร์ไทย
Information
EXIM BANK เปิดพื้นที่ให้ผู้ส่งออก SMEs จำหน่ายสินค้า สร้างรายได้สู่ชุมชน
Gossip
MTC คว้า CGR ระดับ 5 ดาว “ดีเลิศ”
Entertainment
ไทยประกันชีวิต-แอทเลติโก้ คัดเยาวชนต่อยอดบอลที่สหรัฐฯ
สกุ๊ป พิเศษ
ATLAS หุ้นเด่น! LPG นวัตกรรมสุดล้ำ
วิจัยกรุงศรี จับสัญญาณกนง.หั่นดอกเบี้ย หนุนศก.ฟื้น
2025-10-28 19:21:32
189
sharer
นิวส์ คอนเน็คท์ – วิจัยกรุงศรี ประเมินความตึงเครียดทางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ มีโอกาสผ่อนคลายลงหลังการเจรจาสัปดาห์นี้ ขณะที่ปัจจัยภายในและภายนอกกดดันเศรษฐกิจจีนมากขึ้น
เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2568 ศูนย์วิจัยกรุงศรี ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงเผชิญความเสี่ยงจากภาวะ Shutdown และความตึงเครียดทางการค้ากับจีน อัตราเงินเฟ้อทั่วไปของสหรัฐฯ ขยับขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ 2.9% สู่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. 2567 ที่ 3% ในเดือนก.ย. แต่เป็นอัตราที่ต่ำกว่าตลาดคาดการณ์ ส่วนอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานชะลอลงเล็กน้อยจากเดือนก่อนที่ 3.1% สู่ระดับ 3% ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 5 เดือนที่ 53.6 ในเดือนต.ค.
ทั้งนี้ เศรษฐกิจสหรัฐฯ ถูกปกคลุมจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการปิดหน่วยงานราชการ (government shutdown) ที่ยังคงยืดเยื้อ รวมถึงความขัดแย้งทางการค้ากับจีนที่เพิ่มขึ้นหลังทรัมป์ขู่เก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเพิ่มเติมและควบคุมการส่งออกซอฟแวร์เพื่อตอบโต้จีนที่ขยายมาตรการส่งออกแร่หายาก อย่างไรก็ตาม ยังต้องจับตาผลการประชุมนอกรอบระหว่างผู้นำของสหรัฐฯ และจีนที่จะมีขึ้นในวันที่ 30 ต.ค. ว่าจะช่วยคลายความขัดแย้งทางการค้าได้มากน้อยเพียงใด ทั้งนี้ จากภาพรวมเศรษฐกิจที่ชะลอตัวท่ามกลางความไม่แน่นอนที่สูงและเงินเฟ้อที่ต่ำกว่าตลาดคาดการณ์ วิจัยกรุงศรีคาดว่าเฟดจะเดินหน้าปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีก 2 ครั้ง ในการประชุมช่วงที่เหลือของปีนี้สู่ระดับ 3.50-3.75%
ในส่วนของญี่ปุ่น นโยบายการคลังเชิงรุกของรัฐบาลทาคาอิจิคาดช่วยหนุนเศรษฐกิจญี่ปุ่นช่วงปลายปี การส่งออกของญี่ปุ่นพลิกฟื้นจากหดตัวในเดือนก่อนที่ -0.1% กลับมาขยายตัว 4.2% ในเดือนก.ย. ด้านอัตราเงินเฟ้อทั่วไป (National CPI) เดือนกันยายนปรับเพิ่มขึ้นครั้งแรกในรอบ 8 เดือน อยู่ที่ 2.9% แต่สอดคล้องกับตลาดคาดการณ์ ขณะที่ดัชนี PMI ภาคการผลิตหดตัวมากขึ้นจากเดือนก่อนที่ 48.5 สู่ระดับ 48.3 ในเดือนต.ค.
แม้ว่าการบริโภคยังคงอ่อนแอจากแรงกดดันเงินเฟ้อสะท้อนจากยอดค้าปลีกที่หดตัวมากสุดในรอบ 4 ปี แต่เริ่มเห็นสัญญาณบวกจากความเชื่อมั่นของผู้ผลิตรายใหญ่ที่ปรับตัวดีขึ้น ภาคธุรกิจยังคงขยายแผนการลงทุน รวมถึงการส่งออกที่กลับมาขยายตัวเป็นครั้งแรกในรอบ 4 เดือน จากแรงหนุนของการอ่อนค่าของเงินเยนและการส่งออกไปเอเชียที่ดีขึ้นนอกจากนี้ ซานาเอะ ทาคาอิจิ นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของญี่ปุ่น ให้คำมั่นว่าจะดำเนินมาตรการเชิงรุกเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ แก้ปัญหาค่าครองชีพ และเพิ่มงบประมาณด้านความมั่นคง ซึ่งคาดว่าจะเป็นปัจจัยขับเคลื่อนใหม่ที่เข้ามาช่วยหนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจญี่ปุ่นในช่วงปลายปีนี้ จากความคาดหวังดังกล่าวอาจเพิ่มโอกาสปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ BOJ ในช่วงปลายปีนี้
สำหรับเศรษฐกิจจีน แรงส่งการเติบโตของจีนแผ่วลง โดยเครื่องชี้เศรษฐกิจสำคัญส่งสัญญาณชะลอตัว ทั้ง GDP ในไตรมาส 3 ที่ขยายตัว 4.8% จาก 5.2% ในไตรมาส 2 ยอดค้าปลีกสินค้าในเดือนก.ย. และการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรช่วง 9 เดือนแรก หดตัวเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่โควิดที่ -0.5% สำหรับผลการประชุมล่าสุดของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนระบุว่า จะให้ความสำคัญกับการกระตุ้นอุปสงค์ในประเทศ การกระจายรายได้ การพึ่งพาตนเองด้านเทคโนโลยี การพัฒนาอุตสาหกรรมสีเขียว และ AI รวมถึงการพัฒนาตลาดแห่งชาติ (Unified National Market) ตลอดจนการแก้ไขปัญหาการแข่งขันด้านราคาที่รุนแรง (Price involution) และปัญหาอุปทานส่วนเกิน
ขณะที่เครื่องชี้ด้านการบริโภคและการลงทุนชะลอตัวต่อเนื่อง ภาคอสังหาฯ ยังคงอ่อนแอ อีกทั้งการส่งออกมีบทบาทน้อยลงในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดย contribution to GDP growth ของการส่งออกสุทธิลดลงจาก 46% ในไตรมาส/2567 เหลือ 25% ในไตรมาสที่ 3 ปี 2568 นอกจากนี้ จีนเผชิญความเสี่ยงมากขึ้นจากภาษีสวมสิทธิ์ของสหรัฐฯ การควบคุมการส่งออกสินค้าสำคัญ และการขึ้นค่าธรรมเนียมท่าเรือ ดังนั้น ความหวังสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจจีนจึงขึ้นอยู่กับประสิทธิผลในการฟื้นการบริโภคภายในประเทศทั้งจากมาตรการอุดหนุนการแลกซื้อสินค้าใหม่ประกอบกับมาตรการหนุนการบริโภคในภาคบริการ
ขณะที่เศรษฐกิจไทยนั้น BOI มีแผนเร่งรัดการลงทุนกว่า 3 แสนล้านบาท เพื่อช่วยหนุนเศรษฐกิจฟื้นตัวในระยะข้างหน้า ที่ประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) มีมติเห็นชอบแนวทางเร่งรัดการดำเนินงานของโครงการลงทุนขนาดใหญ่ที่มีมูลค่าตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป ซึ่งได้รับอนุมัติส่งเสริมการลงทุนในช่วงปี 2566–2567 แต่ยังประสบอุปสรรคในการเริ่มดำเนินการ รวมจำนวนกว่า 70 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 3 แสนล้านบาท นอกจากนี้ เห็นชอบให้จัดตั้งระบบ “Thailand Fast Pass” เป็นกลไกเชิงรุกในการเร่งรัดและอำนวยความสะดวกต่อโครงการลงทุนสำคัญโดยเฉพาะในอุตสาหกรรมเป้าหมาย
การเร่งรัดการลงทุนของ BOI ผ่านกลไกดังกล่าว คาดว่าจะช่วยลดขั้นตอนและระยะเวลาในกระบวนการอนุมัติและขออนุญาตต่างๆ เพิ่มความคล่องตัวในการดำเนินงาน ตลอดจนแก้ไขอุปสรรคทั้งในระดับนโยบายและปฏิบัติ จุดมุ่งหมายเพื่อสนับสนุนให้การลงทุนภาคเอกชนเติบโตและมีบทบาทมากขึ้นในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในระยะข้างหน้าได้มากขึ้น โดยข้อมูลล่าสุดพบว่ามูลค่าการขอรับส่งเสริมการลงทุนในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 สูงสุดเป็นประวัติการณ์อยู่ที่ 1.05 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นสูงถึง 139% นำโดยอุตสาหกรรมดิจิทัล อิเล็กทรอนิกส์ และยานยนต์สมัยใหม่ ส่วนการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ที่ขอรับส่งเสริมลงทุนฯ มีมูลค่า 7.38 แสนล้านบาท ขยายตัว 132% นำโดยสิงคโปร์ ฮ่องกง และจีน
ทั้งนี้ วิจัยกรุงศรีคาดดอกเบี้ยนโยบายยังมีโอกาสปรับลดลงสู่ระดับ 1.25% ภายในปลายปีนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ประเมินเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 3 ของปีนี้อาจหดตัว -0.5% จากไตรมาสก่อนหน้า หรือ +1.5% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และจะกลับมาขยายตัวในไตรมาสสุดท้ายของปีที่ 0.5% จากไตรมาสก่อนหน้า และ +1.3% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ส่งผลให้ GDP ทั้งปี 2568 เติบโต 2.2% และคาดว่าจะชะลอลงเหลือ 1.6% ในปี 2569 จากผลกระทบของมาตรการภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ที่กดดันภาคการส่งออกมากขึ้น
โดยหลายปัจจัยสะท้อนถึงโอกาสการผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติม อาทิ 1. แนวโน้มเศรษฐกิจที่ยังเปราะบางและเติบโตต่ำกว่าระดับศักยภาพอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางความไม่แน่นอนจากนโยบายการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีน รวมถึงความเสี่ยงที่เศรษฐกิจและการค้าโลกอาจชะลอตัวในระยะต่อไป, 2.อัตราเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำ ล่าสุดอยู่ที่ -0.72% เดือนก.ย. ด้านธปท.คาดว่าจะกลับเข้าสู่กรอบเป้าหมาย 1-3% ได้ภายในไตรมาส 2/2569 และ 3. ภาวะการเงินที่ตึงตัวซึ่งเห็นได้จากการหดตัวของสินเชื่ออย่างต่อเนื่องและต้นทุนการกู้ยืมที่แท้จริง (รวมผลของเงินเฟ้อ) อยู่ในระดับสูง ส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจริงโดยเฉพาะภาคครัวเรือนและผู้ประกอบการ SMEs ที่ยังคงเผชิญภาระหนี้สูงและข้อจำกัดในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน วิจัยกรุงศรีประเมินว่ามีโอกาสที่ธปท.อาจพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงสู่ระดับ 1.25% ในการประชุมในเดือนธ.ค. เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและบรรเทาภาระทางการเงินของภาคเอกชน
PTECH เร่งเครื่องธุรกิจ แย้มผลงานครึ่งปีหลังสดใส
CH คว้าคะแนน CGR 4 ดาว ระดับ “ดีมาก” ต่อเนื่องปีที่ 2
BANPU ปรับทัพใหญ่ควบรวม BPP - IND คว้างานใหม่ รฟม. Backlog พุ่ง 2.34 พันล.
BANPU ปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ ควบรวม BPP
PTG สุดปลื้ม! คว้า CGR ระดับ 5 ดาว “ดีเลิศ”
10 เรื่องน่ารู้ “ATLAS” หุ้นดีที่ต้องมีติดพอร์ต