ทั้งนี้ บริษัทเล็งเห็นอุปสรรคที่เกิดขึ้นกับนักลงทุนไทย จึงได้พัฒนา Omni Fund กองทุนส่วนบุคคลเจ้าแรกที่มีระบบลงทุนในกองทุนรวม บริหารจัดการครบทุกขั้นตอน ครบ จบในที่เดียวกัน ทั้งการเลือกองทุน ซื้อขาย และปรับพอร์ตให้นักลงทุนแบบอัตโนมัติ ด้วยอัลกอริทึมที่ออกแบบมาช่วยจัดพอร์ตลงทุนทั่วโลกตามทฤษฎีการจัดพอร์ตรางวัลโนเบลระดับโลกแบบ Modern Portfolio Theory (MPT) เน้นกระจายการลงทุนในหุ้นและตราสารหนี้ต่างประเทศผ่านกองทุนรวมไทย เพื่อให้พอร์ตเติบโตอย่างมีเสถียรภาพ แม้ในภาวะเศรษฐกิจผันผวน
“Omni Fund ออกแบบมาเพื่อช่วยให้นักลงทุนเข้าถึงการลงทุนทั่วโลกได้ง่ายขึ้นด้วยเงินลงทุนขั้นต่ำเพียง 1,000 บาท และเพิ่มทุน (DCA) ครั้งละ 1,000 บาท มีแผนลงทุนให้เลือก ทั้งแผนเติบโต สมดุล หรือ พอเพียง ตามระดับความเสี่ยงและเป้าหมายของแต่ละคน และอีกหนึ่งจุดเด่นสำคัญของ Omni Fund คือการปรับพอร์ตอัตโนมัติ (Auto Rebalance) ตามหลักการ ช่วยลดความเสี่ยงและรักษาสัดส่วนสินทรัพย์ให้อยู่ในระดับเหมาะสมตลอดเวลา” นายตราวุทธิ์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม จากการพิสูจน์ผลตอบแทนย้อนหลังของการลงทุน Omni Fund สามารถสร้างผลตอบแทนโดยเฉลี่ยต่อปีที่ 7.85% สำหรับแผนเติบโต และจะทำผลงานได้ดียิ่งขึ้นหากมีการเพิ่มทุนอย่างสม่ำเสมอ (DCA) ตามระบบที่ออกแบบมาเพื่อการลงทุนระยะยาว สร้างโอกาสให้นักลงทุนที่ต้องการมีพอร์ตหลักตามหลักการ Core & Sattelite ซึ่งเป็นสูตรหลักของการลงทุนที่ Jitta Wealth แนะนำเพื่อช่วยให้พอร์ตมีเสถียรภาพรับมือกับความผันผวนได้ทุกสถานการณ์
ทั้งนี้ Omni Fund เหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการเริ่มต้นลงทุนในตลาดโลกแต่ยังขาดประสบการณ์ อยากเริ่มต้นลงทุนอย่างมีหลักการ แต่ไม่มีเวลาติดตามตลาดหรือวิเคราะห์กองทุนด้วยตนเอง หรือมีเงินจำนวนน้อยแต่ต้องการผลลัพธ์แบบมืออาชีพ ผู้ที่ต้องการสร้างพอร์ตระยะยาวเพื่อการเกษียณที่รับความเสี่ยงได้ต่ำ และสามารถ DCA สร้างผลตอบแทนทบต้นเติบโตมั่งคั่งได้ โดยเชื่อมั่นว่า Omni Fund จะเข้ามาช่วยคนไทยที่ปัจจุบันมีการลงทุนในกองทุนรวมอยู่ราวๆ 1.5-2 ล้านคน ให้สามารถจัดพอร์ตกองทุนรวมได้อย่างถูกต้อง เพื่อให้ได้รับผลตอบแทนตามเป้าหมายทางการเงินที่วางแผนไว้