Phones





KKP ชี้ปัจจัยเสี่ยงฉุดศก.ไทยครึ่งปีหลัง

2020-07-30 18:33:13 297



นิวส์ คอนเน็คท์ – KKP ประเมินเศรษฐกิจไทยครึ่งปีหลังของปี 63 ยังมีปัจจัยเสี่ยงรุมเร้า พร้อมมอง 3 ประเด็นสำคัญที่กระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ทั้งการระบาดรอบสองของไวรัสโควิด-19ชี้ ปัญหาหนี้ในระบบธนาคารพาณิชย์ และข้อจำกัดการอัดฉีดเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล รวมถึงความขัดแย้งระหว่างจีน-สหรัฐฯ


เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2563 ดร.พิพัฒน์ เหลืองนฤมิตชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ และหัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์เศรษฐกิจและการลงทุน กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร หรือ KKP เปิดเผยว่า ภาพรวมเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลังของปี 63 ยังมีประเด็นที่ต้องติดตามอยู่ 3 เรื่องคือ สถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19 เพราะแม้ในไทยจะไม่มีผู้ติดเชื้อต่อเนื่องกว่า 60 วัน แต่อัตราการติดเชื้อในโลกยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง วันละกว่า 200,000 คน ซึ่งปัจจุบันมีผู้ติดเชื้อรวมแล้วกว่า 17 ล้านคน และมีความเสี่ยงที่บางพื้นที่อาจจะมีการติดเชื้อเพิ่มขึ้นอีก ขณะที่การพัฒนาวัคซีนสำเร็จน่าจะเกิดขึ้นหลังต้นปีหรือกลางปี 64 แต่อาจจะคาดได้ว่าเศรษฐกิจโลกโดยรวมน่าจะผ่านช่วงที่เลวร้ายที่สุดไปแล้ว


สำหรับเรื่องที่สอง คือการที่เศรษฐกิจไทยอาจจะยังโตต่ำกว่าศักยภาพไปอีกสักระยะหนึ่ง เพราะเศรษฐกิจไทยพึ่งพิงการท่องเที่ยวจากต่างชาติค่อนข้างมาก และการใช้จ่ายจากนักท่องเที่ยวต่างชาติคิดเป็นถึง 12% ของจีดีพี ซึ่งมาตรการปิดเมืองทั้งในและต่างประเทศย่อมจะกระทบถึงธุรกิจและเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่พึ่งพารายได้จากการท่องเที่ยวคาดว่าอาจจะมีจำนวนคนว่างงานสูงสุดถึง 5 ล้านคน ซึ่งจะส่งผลไปถึงความสามารถในการจ่ายคืนหนี้ของทั้งธุรกิจและครัวเรือนจนกลายเป็นปัญหาใหญ่ของทั้งลูกหนี้และเจ้าหนี้ได้ โดยปัจจุบันมีลูกค้าสถาบันการเงินถึง 12.8 ล้านบัญชี หรือมูลค่าหนี้กว่า 6.9 ล้านล้านบาท หรือหนึ่งในสามของหนี้รวมทั้งระบบที่ได้รับความช่วยเหลือผ่านการปรับโครงสร้างหนี้อยู่


ขณะที่ประเด็นสุดท้ายคือการอัดฉีดของภาครัฐ แม้ในระยะเวลาที่ผ่านมาการช่วยเหลือจากธนาคารกลางและรัฐบาล
จะช่วยพยุงสถานการณ์ของเศรษฐกิจโลก และตลาดการเงินได้ แต่ปัจจุบันรัฐบาลทั่วโลกอัดฉีดเงินไปแล้วกว่า 11 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ในขณะที่สัดส่วนหนี้สาธารณะต่อจีดีพีของไทยก็อาจจะเพิ่มจาก 41% ในปี 62 ไปถึง 60% ในปี 64 ซึ่งอาจจะเป็นข้อจำกัดในการดำเนินนโยบายในอนาคต


นอกจากนี้ อีกสองปัจจัยเสี่ยงที่ควรต้องระวัง คือความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯกับจีนที่ทวีความรุนแรงขึ้น และการเลือกตั้งสหรัฐฯที่อาจจะนำไปสู่ความไม่แน่นอนด้านนโยบาย และอาจมีผลต่อนโยบายเศรษฐกิจไทย เช่น การตัดสินใจเข้าร่วม CPTPP หรือความตกลงที่ครอบคลุมและก้าวหน้าสำหรับหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิกของไทย


 


>>>สามารถอ่านข่าวเพิ่มเติมได้ทาง http://www.newsconnext.com
หรือติดตามผ่านช่อง Line@ ได้ที่ News Connext
ช่องทาง Fanpage Facebook ได้ที่ https://www.facebook.com/connextnews