นิวส์ คอนเน็คท์ – EA ลุยปี 64 เดินเครื่องโรงงานแบต-ประกอบยานยนต์ไฟฟ้า มั่นใจผลงานฟื้นตัว ขณะที่ปี 63 คาดทรงตัวใกล้เคียงกับปีก่อน หลังเลื่อนส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้า เจอพิษโควิด–19 ฉุดยอดขายไบโอดีเซลลด เล็งปิดดีลซื้อกิจการ

เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2563 นายอมร ทรัพย์ทวีกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จํากัด (มหาชน) หรือ EA ผู้นำด้านพลังงานทางเลือก เปิดเผยว่า ผลประกอบการปี 63 คาดว่ารายได้จะเติบโตใกล้เคียงกับปี 62 ที่มีรายได้ 14,954 ล้านบาท ซึ่งไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่คาดว่าจะเติบโตโดดเด่นมากกว่าปี 62 เนื่องจากไม่สามารถส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ภายใต้แบรนด์ “MINE SPA1” จำนวน 5,000 คันไม่ได้ตามเป้า

โดยคาดว่าจะเริ่มทยอยส่งมอบได้ต้นปี 64 หลังจากได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด – 19 ส่งผลให้โรงงานประกอบยานยนต์ไฟฟ้าเสร็จไม่ทันหลังจากนำเครื่องจักรจากต่างประเทศมาติดตั้งล่าช้า ประกอบกับผู้ประกอบการผู้รถแท็กซี่ขอเลื่อนการส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าออกไปด้วยเช่นกัน นอกจากนี้จากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 นั้นส่งผลให้การจำหน่ายน้ำมันไบโอดีเซลลดลง

ส่วนในปี 64 คาดว่าผลประกอบการจะกลับมาเติบโตตามปกติ และจะเติบโตมากกว่าปีนี้ แต่ต้องลุ้นให้มีวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด – 19 สามารถนำมาใช้ได้ในปีหน้า ขณะเดียวกัน ในปี 64 ยังได้รับปัจจัยหนุนจากธุรกิจประกอบยานยนต์ไฟฟ้า ทั้งกลุ่มรถบัสไฟฟ้า รถยนต์ไฟฟ้าสำหรับส่งขน รถแท็กซี่ รวมทั้งรถยนต์ไฟฟ้าส่วนบุคคลและโรงงานแบตเตอรีที่คาดว่าจะเริ่มเดินเครื่องผลิตต้นปีหน้า ส่วนเรือไฟฟ้า (E-Ferry) จะเริ่มทดลองวิ่งบริการเดือนธันวาคมนี้ 8 ลำ และให้บริการเต็มรูปแบบ 20 ลำได้ในไตรมาส 1/64

สำหรับธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าปัจจุบันมีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวม 664 เมกะวัตต์ รายได้เติบโตตามปกติ แต่มองหาโอกาสลงทุนซื้อกิจการ (M&A) โรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนเข้ามาเพิ่มเพื่อสร้างการเติบโตจากธุรกิจไฟฟ้ามากขึ้น อย่างไรก็ตาม ในระยะสั้นคาดว่าจะยังไม่มีความชัดเจนในการซื้อกิจการ เนื่องจากหลายโครงการที่เสนอเข้ามานั้นยังไม่มีความคุ้มค่ากับการลงทุน นอกจากนี้ยังได้รับปัจจัยหนุนจากการรับรู้รายได้จากผลิตภัณฑ์สารเปลี่ยนสถานะหรือ PCM (Phase Change Material) ที่เริ่มส่งออกไปจำหน่ายในประเทศญี่ปุ่นบ้างแล้วในปีนี้

>>>สามารถอ่านข่าวเพิ่มเติมได้ทาง http://www.newsconnext.com
หรือติดตามผ่านช่อง Line@ ได้ที่ News Connext
ช่องทาง Fanpage Facebook ได้ที่ https://www.facebook.com/connextnews