นิวส์ คอนเน็คท์ – TMB รายงานกำไรสุทธิ ปี 63 ที่ 10,112 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 40% จากปีก่อน รับแรงหนุนจากการรวมกิจการกับธนชาต ขณะที่ไตรมาส 4/63 ยกระดับสำรองฯขึ้นแม้ NPL อยู่ในระดับต่ำที่ 2.5% เตรียมรับมือความเสี่ยง

เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2564 นายปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TMB เปิดเผยว่า ผลประกอบการในปี 63 มีแรงกดดันด้านรายได้จากเศรษฐกิจที่หดตัวและการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงหลายครั้ง แต่ทั้ง TMB และธนชาต สามารถดำเนินการตามแผนรวมกิจการได้ตามเป้าหมาย จึงทำให้เกิด Balance Sheet Synergy จากการปรับโครงสร้างเงินฝากและสินเชื่อ ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนรายได้ดอกเบี้ย ขณะที่ Cost Synergy ซึ่งเกิดจากการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานและลดค่าใช้จ่ายที่ทับซ้อนกันระหว่าง 2 ธนาคาร ส่งผลให้กำไรจากการดำเนินงานยังคงแข็งแกร่ง

ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานของธนาคารและบริษัทย่อย โดยรวมในไตรมาส 4/63 ทั้งด้านรายได้และการบริหารค่าใช้จ่ายปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องจากไตรมาส 3 ทำให้มีกำไรจากการดำเนินงานก่อนหักสำรองฯ (PPOP) 9,805 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% จากไตรมาสที่แล้ว รวมทั้งปี PPOP อยู่ที่ 37,266 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 90% จากปีก่อนหน้า ซึ่งหลังหักสำรองฯ และภาษี กำไรสุทธิปี 63 อยู่ที่ 10,112 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 40% จากปี 62

โดยจากการดำเนินงานที่ดีขึ้นนี้ ธนาคารจึงตั้งสำรองฯ เพิ่มขึ้นแม้ว่าสัดส่วนหนี้เสียยังอยู่ในระดับต่ำที่ 2.5% โดยในไตรมาส 4/63 ตั้งสำรองฯ อีก 8,237 ล้านบาท รวมทั้งปีเป็นจำนวน 24,831 ล้านบาท ถือเป็นการเสริมความแข็งแกร่งด้านการเงินเพื่อรับมือกับแนวโน้มเศรษฐกิจและผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ในปี 64 ทั้งนี้ แม้ว่าสัดส่วนหนี้เสียในปัจจุบันยังอยู่ในระดับต่ำที่ 2.50% ใกล้เคียงกับ 2.35% ในปีก่อนหน้า และลูกค้าส่วนใหญ่สามารถกลับมาชำระหนี้ตามปกติ แต่ธนาคารประเมินว่าสถานการณ์โควิด-19 ระลอกใหม่จะกลับมาสร้างแรงกดดันต่อความสามารถในการชำระหนี้ของลูกค้าในช่วงถัดไป จึงตัดสินใจตั้งสำรองฯ เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

>>>สามารถอ่านข่าวเพิ่มเติมได้ทาง http://www.newsconnext.com
หรือติดตามผ่านช่อง Line@ ได้ที่ News Connext
ช่องทาง Fanpage Facebook ได้ที่ https://www.facebook.com/connextnews