Phones





KBANKตั้งสำรองหนี้ฯรับมือโควิดฉุดกำไรวูบ

2021-01-21 17:33:41 609




นิวส์ คอนเน็คท์ – KBANK เดินหน้าตั้งสำรองหนี้ฯปี63 จำนวน 43,548 ล้านบาท หวังรับมือความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นจากการระบาดของโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อกำไรสุทธิปี63 ที่ลดลงราว 23%


นางสาวขัตติยา อินทรวิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK เปิดเผยว่า ภาพรวมเศรษฐกิจไทยในปี 63 หดตัวลงท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งส่งผลกระทบในวงกว้างต่อเนื่องมายังการใช้จ่ายภายในประเทศ รวมถึงภาคการส่งออกสินค้าและการท่องเที่ยว


สำหรับในปี 2564 นั้น เศรษฐกิจไทยยังคงเผชิญกับหลายปัจจัยเสี่ยง โดยเฉพาะการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ ซึ่งทำให้ประเมินว่า เส้นทางการฟื้นตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจยังมีความไม่แน่นอน และแรงหนุนส่วนใหญ่ยังมาจากการใช้จ่ายและการลงทุนของภาครัฐ


ทั้งนี้ ธนาคารและบริษัทย่อยได้ปฏิบัติตามมาตรฐานการรายงานทางการเงินที่เกี่ยวกับเครื่องมือทางการเงิน รวมถึง TFRS 9 ส่งผลให้งบการเงินและอัตราส่วนทางการเงินบางรายการไม่สามารถเปรียบเทียบได้กับปีก่อน โดยธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิปี 63 จำนวน 29,487 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนจำนวน 9,240 ล้านบาท หรือ 23.86%


โดยการลดลงของกำไรสุทธิส่วนใหญ่เกิดจากการที่ธนาคารและบริษัทย่อยใช้หลักความระมัดระวังอย่างต่อเนื่องในการพิจารณาสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (ECL) เพิ่มขึ้นจากปีก่อนจำนวน 9,536 ล้านบาท หรือ 28.04% ซึ่งเป็นการตั้งสำรอง ฯ ตั้งแต่ในครึ่งปีแรกของปี63 จำนวนรวม 32,064 ล้านบาท เนื่องจากความไม่แน่นอนในระดับสูงจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่มีผลกระทบที่รุนแรงทั้งในและต่างประเทศ รวมทั้งผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากมาตรการของทางการที่ให้สถาบันการเงินให้ความช่วยเหลือลูกค้า


อย่างไรก็ตาม แม้ว่าในครึ่งปีหลังที่มาตรการช่วยเหลือลูกค้าทยอยสิ้นสุดลง ลูกค้ายังสามารถผ่อนชำระได้ดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ รวมทั้งในปลายไตรมาส 4/63 มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ก็ตาม ธนาคารประเมินความเพียงพอของสำรองฯ พบว่าการตั้งสำรองฯ ในสามไตรมาสที่ผ่านมาอยู่ในระดับที่เพียงพอแล้ว จึงพิจารณาตั้งสำรองฯ ในไตรมาส 4/63 ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงสามไตรมาสของปี


โดยเมื่อรวมการตั้งสำรองฯ ในปี 63 มีจำนวนทั้งสิ้น 43,548 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นระดับที่สามารถรองรับความเสียหายต่าง ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นได้อย่างเหมาะสม และสอดคล้องกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดยอัตราส่วนค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นต่อเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพ(Coverage ratio) ณ วันที่ 31 ธ.ค.63 อยู่ที่ระดับ 149.19%


ขณะที่รายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้นจำนวน 6,334 ล้านบาท หรือ 6.17% ส่วนใหญ่เกิดจากการลดลงของค่าใช้จ่ายดอกเบี้ย ซึ่งเป็นผลจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย และการปรับลดอัตราเงินนำส่งกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ทำให้อัตราผลตอบแทนสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้สุทธิ (NIM) อยู่ที่ระดับ 3.27%


สำหรับรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยลดลงจำนวน 11,934 ล้านบาท หรือ 20.65% ส่วนใหญ่เกิดจากรายได้จากการจำหน่ายหลักทรัพย์ที่ลดลง และค่าธรรมเนียมรับเกี่ยวกับการให้สินเชื่อลดลงจากการเปลี่ยนไปแสดงเป็นรายได้ดอกเบี้ย รวมทั้งค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอื่นๆ ลดลงจำนวน 2,733 ล้านบาท หรือ 3.76% ส่วนใหญ่เกิดจากการลดลงของประมาณการค่าใช้จ่ายพนักงาน และค่าใช้จ่ายทางการตลาด ในขณะที่ค่าใช้จ่ายในการจัดการหนี้เพิ่มขึ้น


ทั้งนี้ ณ วันที่ 31 ธ.ค.63 ธนาคารและบริษัทย่อยมีสินทรัพย์รวมจำนวน 3,658,798 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 62 จำนวน 364,909 ล้านบาท หรือ 11.08% ส่วนใหญ่เป็นการเติบโตของสินเชื่อ สำหรับเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพต่อเงินให้สินเชื่อ (%NPL gross) อยู่ที่ระดับ 3.93% โดยธนาคารได้ให้ความช่วยเหลือ รวมทั้งติดตามดูแลคุณภาพสินเชื่อของลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 อย่างใกล้ชิด


 


>>>สามารถอ่านข่าวเพิ่มเติมได้ทาง http://www.newsconnext.com
หรือติดตามผ่านช่อง Line@ ได้ที่ News Connext
ช่องทาง Fanpage Facebook ได้ที่ https://www.facebook.com/connextnews