Phones





KBANK แนะกระจายพอร์ตลงทุนหุ้นตปท.

2021-01-27 15:26:12 777




นิวส์ คอนเน็คท์ - KBANK แนะลูกค้ากระจายพอร์ตลงทุนหุ้นต่างประเทศเพิ่มขึ้น พร้อมโชว์ผลงานปี 63 สร้างผลตอบแทนสูง 11.4% สวนทางความเสี่ยงของตลาด ยึดหลักการพอร์ตหลัก (Core) + พอร์ตเสริม (Satellite)


เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2564 นายจิรวัฒน์ สุภรณ์ไพบูลย์ Private Banking Group Head ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK เปิดเผยว่า ภาพรวมของตลาดหุ้นไทยในขณะนี้ยังไม่อยู่ในภาวะฟองสบู่ แม้ดัชนีจะปรับตัวขึ้นมาพอสมควร แต่ยังถือว่าน้อยกว่าตลาดหุ้นของประเทศอื่นๆ แต่ราคาหุ้นไทยในปัจจุบันถือว่าค่อนข้างแพง และมีมูลค่าตึงตัว อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นไทยยังมีความเป็นตลาดหุ้นที่ Laggard เนื่องจากหุ้นที่อยู่ในตลาดหุ้นไทยส่วนใหญ่เป็นหุ้นที่เป็นธุรกิจดั้งเดิม (Old Economy) ผันผวนไปตามวัฏจักรของเศรษฐกิจ และกระจุกตัวอยู่ในกลุ่มพลังงาน กลุ่มธนาคาร และ กลุ่มค้าปลีก ซึ่งทิศทางของผลการดำเนินงานจะผันผวนไปตามภาวะเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น  


สำหรับกลยุทธ์การลงทุนในปี64 ยังยึดหลักลงทุนสม่ำเสมอ และกระจายความเสี่ยง หรือที่เรียกว่า “Stay Invested + Stay Diversified” โดยแนะนำให้ลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลายประเภทผ่านกองทุนรวม และให้ลดการถือเงินสดไว้ในพอร์ตการลงทุน ประกอบด้วย พันธบัตรรัฐบาลซึ่งแม้ผลตอบแทนพันธบัตรจไม่สนใจในภาวะดอกเบี้ยต่ำ แต่ถือเป็นเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาดหุ้นที่ดี โดยนักลงทุนอาจเลือกลงทุนในพันธบัตรในหลายประเทศ เช่น จีน และสหรัฐฯ  



ขณะที่หุ้นกู้บริษัทเอกชน เป็นทางเลือกลงทุนที่ดีเพื่อเพิ่มผลตอบแทน โดยเฉพาะหุ้นกู้ในกลุ่มประเทศเกิดใหม่ที่ให้ผลตอบแทนดีกว่าหุ้นกู้ในประเทศพัฒนาแล้ว ซึ่งนักลงทุนต้องอาศัยความเชี่ยวชาญในการคัดกรองเลือกบริษัทที่มีฐานะการเงินแข็งแกร่ง และมีอัตราผิดนัดชำระหนี้ต่ำ หุ้นที่มีแนวโน้มเติบโต และให้ผลตอบแทนเป็นบวก   


สำหรับกระแสการสลับกลุ่มหุ้นที่ลงทุนไปยังกลุ่มหุ้นของบริษัทที่มีผลประกอบการแปรผันตามภาวะเศรษฐกิจ (Cyclical) จะเกิดขึ้นในช่วงเวลาหนึ่ง อย่างไรก็ตาม คงปฏิเสธไม่ได้ว่าโลกแห่งอนาคตจะถูกขับเคลื่อนด้วย Megatrends ที่สำคัญๆ เช่น Technology และ Healthcare ซึ่งจะเป็นกลุ่มที่สามารถสร้างผลตอบแทนแบบก้าวกระโดดได้ในระยะยาว 


นอกจากนี้ Lombard Odier ยังให้ความสำคัญมากกับหุ้นกลุ่ม CLIC (Circular, Lean, Inclusive, Clean) ซึ่งเป็นการเน้นลงทุนในบริษัทที่ให้ความสำคัญกับการใช้ทรัพยากรหมุนเวียน คุ้มค่า ไม่ก่อให้เกิดมลพิษ เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม รวมถึงเน้นลงทุนในบริษัทที่คำนึงถึงการเท่าเทียมกันของสังคม เพื่อสอดรับกับกระแสด้านความยั่งยืน ซึ่งก็ถือเป็นโอกาสสำคัญของนักลงทุนในการสร้างผลตอบแทนที่มั่นคงเช่นเดียวกัน  


สำหรับพอร์ต K-Alpha ที่แนะนำลูกค้ายังคงหลักการของพอร์ตหลัก (Core) + พอร์ตเสริม (Satellite) โดยให้ความสำคัญ และน้ำหนักที่มากขึ้นกับกองทุนในกลุ่มหุ้นที่คาดว่าจะสร้างความเติบโตให้กับมูลค่าพอร์ตการลงทุน ซึ่งแบ่งเป็นธีมต่างๆเช่น Winner of new economy หรือ ผู้ชนะในเศรษฐกิจใหม่อย่างเช่นกลุ่มเทคโนโลยี และนวัตกรรมต่างๆ, Health is Wealth หรือการรักษาสุขภาพ คือ ความมั่งคั่งใหม่ ผ่านการลงทุนกลุ่ม Healthcare และนวัตกรรมทางการแพทย์ทั่วโลก


นอกจากนี้ ยังมีธีม Save the World หรือ เทรนด์รักษ์โลกที่ธุรกิจที่ให้ความสำคัญกับการรักษาสิ่งแวดล้อม และพลังงานสะอาด, The Rise of China and Asia หรือ สินทรัพย์ในจีนและภูมิภาคเอเชีย ที่จะเข้ามามีบทบาทในเศรษฐกิจโลกมากขึ้น, Laggard and Cyclical Upturn เช่น หุ้นในภูมิภาค หรือกลุ่มที่ได้รับผลกระทบแรงในปีที่แล้ว และราคายังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ รวมทั้งกลุ่มที่ผลประกอบการจะดีขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก  


อย่างไรก็ตาม ธนาคารยังคงเชื่อมั่นในกลยุทธ์การลงทุนที่นำเสนอ และ จะพยายามสร้างผลงานให้พอร์ตการลงทุนของลูกค้าได้ดีอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับปีก่อนหน้านี้ ที่แม้จะเจอวิกฤตจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ตลอดทั้งปี ยังสามารถพาพอร์ตการลงทุนของลูกค้าเติบโตได้ที่ระดับ +11.4% ภายใต้ระความเสี่ยงเพียง 7.7% ซึ่งถือว่าความเสี่ยงน้อยมากเมื่อเทียบกับหุ้นโลกภายใต้วิกฤตเดียวกัน เพราะการลงทุนในหุ้นเพียงอย่างเดียวอยู่บนความเสี่ยงที่สูงกว่า และ กระจุกตัวมากกว่า


>>>สามารถอ่านข่าวเพิ่มเติมได้ทาง http://www.newsconnext.com
หรือติดตามผ่านช่อง Line@ ได้ที่ News Connext
ช่องทาง Fanpage Facebook ได้ที่ https://www.facebook.com/connextnews