Phones





KTBส่องยอดใช้ยานยนต์ไฟฟ้าแตะล้านคัน

2021-06-17 16:16:04 548



 
นิวส์ คอนเน็คท์ – KTB ประเมินการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าทุกประเภทในประเทศจะแตะล้านคันในปี 71 โดยเพิ่มขึ้นจากยานยนต์ไฟฟ้าไฮบริดเป็นหลัก ตามทิศทางของผู้ผลิตขนาดใหญ่สัญชาติญี่ปุ่นที่ใช้ไทยเป็นฐานการผลิต คาดไทยเป็นฐานผลิตยานยนต์ไฟฟ้าไฮบริด
 
เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2564 ดร.พชรพจน์ นันทรามาศ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ศูนย์วิจัย Krungthai COMPASS ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB เปิดเผยว่า ในปีที่ผ่านมา การแพร่ระบาด COVID-19 พ่นพิษต่อเศรษฐกิจทั่วโลกจนเข้าสู่ภาวะถดถอย แต่ธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้ากลับเติบโตอย่างก้าวกระโดด สะท้อนจากยอดขายยานยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกที่สูงถึง 3.2 ล้านคัน หรือเพิ่มขึ้นกว่า 43% เช่นเดียวกับประเทศไทยที่มียอดจดทะเบียนสูงถึง 3 หมื่นคัน หรือขยายตัวถึง 13% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า สวนทางยอดขายรถยนต์รวมที่ลดลง 21%
 
ทั้งนี้ เริ่มเห็นการตื่นตัวจากภาครัฐในต่างประเทศในการแก้ไขประเด็นด้านสิ่งแวดล้อมตามข้อตกลงปารีส โดยเฉพาะนโยบายยกเลิกการขายยานยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายใน (ICE) ควบคู่ไปกับการสนับสนุนยานยนต์ไฟฟ้าอย่างเป็นรูปธรรม เช่นเดียวกับการปรับตัวของผู้ผลิตชั้นนำในอุตสาหกรรมยานยนต์โลกที่หันไปทำตลาดยานยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น ตลอดจนความสนใจของผู้บริโภคเกี่ยวกับยานยนต์ไฟฟ้าที่มากขึ้นกว่าแต่ก่อน เหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยขับเคลื่อนให้จำนวนยานยนต์ไฟฟ้าสะสมทั่วโลกมีโอกาสแตะระดับ 25-45 ล้านคันได้ภายในปี 73 จาก 10 ล้านคันในปัจจุบัน
 
ดร.มานะ นิมิตรวานิช ผู้อำนวยการฝ่าย ศูนย์วิจัย Krungthai COMPASS กล่าวว่า สำหรับประเทศไทยนั้น ด้วยยอดใช้ยานยนต์ไฟฟ้าสะสมในประเทศ ณ สิ้นปี 63 อยู่ที่เพียง 1.9 แสนคัน หรือคิดเป็น 1% ของยานยนต์ทั้งหมด ถือว่ายังมีขนาดเล็กและอยู่ในช่วงเริ่มต้นเมื่อเทียบกับประเทศชั้นนำอื่นๆ อย่างไรก็ดี ข้อได้เปรียบของไทยในการเป็นฐานผลิตยานยนต์เครื่องยนต์ ICE แบบดั้งเดิมมาอย่างยาวนาน
 
นอกจากนี้ กลยุทธ์การทำตลาดของผู้ผลิตยานยนต์ OEM ในประเทศที่ยังคงเน้นทำตลาดยานยนต์ไฟฟ้าไฮบริดตามบริษัทแม่ในญี่ปุ่น จะเป็นส่วนเสริมให้ยอดใช้ยานยนต์ไฟฟ้าสะสมในประเทศมีโอกาสแตะ 1 ล้านคันได้ในปี 71 หรือขยายตัวเฉลี่ยราว 24% ต่อปี จากยอดใช้ยานยนต์ไฟฟ้าไฮบริดที่คาดว่าจะมีสัดส่วนสูงถึง 93% ของยานยนต์ไฟฟ้าทั้งหมด ทั้งนี้ Krungthai COMPASS ชี้ว่ามาตรการภาครัฐที่สนับสนุนทั้งผู้ผลิต ผู้ประกอบการ และผู้บริโภค จะเป็นส่วนสำคัญให้อุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยมีโอกาสต่อยอดเป็นฐานผลิตยานยนต์ไฟฟ้าไฮบริดที่แข็งแกร่งของภูมิภาคในอนาคตต่อไป
 
นางสาวพิมฉัตร เอกฉันท์ นักวิเคราะห์ กล่าวว่า การเป็นฐานผลิตยานยนต์ไฟฟ้าไฮบริดของไทย นอกจากจะช่วยรักษาตลาดผู้ผลิตในกลุ่มเครื่องยนต์ ICE ในประเทศ รวมถึงห่วงโซ่อุปทานที่เกี่ยวข้องในระยะปานกลางแล้ว ยังส่งผลดีต่อผู้ผลิตแบตเตอรี่ไฟฟ้า ผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และผู้ผลิตวัสดุน้ำหนักเบาและแข็งแรงอีกด้วย อย่างไรก็ดี ในระยะยาวที่สัดส่วนยานยนต์ปราศจากการปล่อยมลพิษ (Zero Emission Vehicle) เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยตามกระแสเมกะเทรนด์ที่กำลังเดินหน้าไปสู่เศรษฐกิจพลังงานสะอาด (Green Economy) ย่อมจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อผู้ผลิตชิ้นส่วนในกลุ่ม Powertrain และ Engine ซึ่งมีมูลค่าตลาดสูงถึงเกือบ 3 แสนล้านบาท หรือประมาณ 20% ของรายได้ของผู้ผลิตชิ้นส่วนในตลาดทั้งหมด