Phones





บลจ.เกียรตินาคินภัทร จับเทรนด์ลงทุนเซมิคอนดักเตอร์

2021-06-30 16:32:50 244



 
นิวส์ คอนเน็คท์ - บลจ.เกียรตินาคินภัทร เปิดเสนอขายกองทุนเปิด KKP SEMICON-H เน้นลงทุนในหุ้นของบริษัทกลุ่มอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ที่จดทะเบียนในสหรัฐฯ เพิ่มโอกาสการลงทุนและรับประโยชน์หุ้นกลุ่มที่มีแนวโน้มเติบโตดี
 
เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2564 นายยุทธพล ลาภละมูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เกียรตินาคินภัทร จำกัด เปิดเผยว่า บลจ.เกียรตินาคินภัทร มองเห็นโอกาสการเติบโตในระยะยาว จากการลงทุนในกองทุนหุ้นต่างประเทศในกลุ่มอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ (semiconductor) จึงเปิดเสนอขายกองทุนเปิดเคเคพี เซมิคอนดักเตอร์ เฮดจ์ (KKP SEMICON-H) เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ลงทุนได้มีส่วนร่วมกับการเติบโตของกลุ่มธุรกิจนี้ อีกทั้งเป็นทางเลือกกระจายการลงทุน โดยผู้ลงทุนสามารถพิจารณาแบ่งสัดส่วนการลงทุนได้ตามความเสี่ยงที่เหมาะกับตนเอง
 
โดยกองทุน KKP SEMICON-H จะเน้นลงทุนในกองทุนหลักต่างประเทศเพียงกองทุนเดียวคือ iShares Semiconductor ETF (กองทุนหลัก) ซึ่งมุ่งลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแทนที่สอดคล้องกับดัชนี ICE Semiconductor Index ซึ่งประกอบไปด้วยหุ้นของบริษัทในกลุ่มอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในประเทศสหรัฐฯ
 
ทั้งนี้ เพื่อช่วยลดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนให้กับผู้ลงทุน กองทุน KKP SEMICON-H จะป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนเกือบทั้งหมด คือไม่น้อยกว่าร้อยละ 90 ของมูลค่าเงินลงทุนในต่างประเทศ 
 
สำหรับมุมมองการลงทุน ตลาดหุ้นโลกในช่วง 5 เดือนแรกของปี 64 ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากปีก่อนได้ถึง 11.9% จากการลดลงของการแพร่ระบาดของโควิด-19 และการแจกจ่ายวัคซีนเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ช่วยให้หลายเมืองสามารถกลับมาเปิดดำเนินกิจกรรมเศรษฐกิจได้ ประกอบกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งทางด้านการเงินและการคลังจากหลายประเทศ ส่งผลให้ผลการดำเนินงานในไตรมาสแรกของบริษัทจดทะเบียนทั่วโลกส่วนใหญ่ออกมาดีกว่าคาดการณ์
 
อย่างไรก็ตาม ตัวเลขอัตราเงินเฟ้อที่เริ่มปรับสูงขึ้น ทำให้เมื่อกลางเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ทางคณะกรรมการ FOMC (The Federal Open Market Committee) ของ FED ได้ส่งสัญญาณว่าอาจจะปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายขึ้น 2 ครั้งในปี 2566 ซึ่งเร็วกว่าเดิมที่เคยคาดการณ์ไว้ว่าจะเริ่มปรับขึ้นในปี 2567 มีผลทำให้ตลาดหุ้นโลกในระยะสั้นผันผวน จากความกังวลเรื่องการปรับเปลี่ยนนโยบายและการลดการอัดฉีดสภาพคล่องในระบบที่เร็วกว่าที่คาด