นิวส์ คอนเน็คท์ - BGRIM ลุยขยายลงทุนพลังงานทั่วอาเซียน ซุ่มดีลโรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์มกัมพูชา พลังงานลม ก๊าซธรรมชาติ โซลาร์ฟาร์มเพิ่มในเวียดนาม ขณะที่ สปป.ลาวลุยขยายพลังงานน้ำตาดสะโกน 30 เมกะวัตต์ เซกอง4 อีก 340 เมกะวัตต์ มั่นใจกำลังการผลิตได้ตามเป้า 5,000 เมกะวัตต์

นางปรียนาถ สุนทรวาทะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM เปิดเผยว่า BGRIM ศึกษาลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าทั้งที่เป็นเชื้อเพลิงฟอสซิล และพลังงานทดแทนในภูมิภาคอาเซียนเกือบทุกประเทศ ไม่ว่าจะเป็นสปป.ลาว กัมพูชา เมียนมา เวียดนาม มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย เนื่องจากเป็นกลุ่มประเทศที่มีความต้องการใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นตามการเจริญเติบโตของแต่ละประเทศที่มีการขยายการลงทุน ขณะที่นอกเหนือจากกลุ่มประเทศอาเซียนแล้ว ได้มีการศึกษาในประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งจะมองโอกาสขยายการลงทุนทั้งการเข้าซื้อกิจการ(M&A), Brownfield และ Greenfield คาดว่า ปีนี้จะเห็นความชัดเจนได้อย่างน้อย 1 โครงการ

โดยในอาเซียนนั้น มีการขยายลงทุนในประเทศเวียดนามในการลงทุนพัฒนาโซลาร์ฟาร์ม โครงการ DAU TIENG 1 และ DAU TIENG 2 (DT1& DT2) ขนาดกำลังการผลิตติดตั้งรวม 420 เมกะวัตต์ และโครงการ Phu Yen TTP ขนาด 257 เมกะวัตต์ รวมกำลังการผลิต 677 เมกะวัตต์ และจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) เมื่อช่วงเดือนมิถุนายน 2562 ที่ผ่านมา ด้วยสัญญาการรับซื้อไฟฟ้าในอัตรา 9.35 เซ็นดอลลาร์ต่อกิโลวัตต์ชั่วโมง (ประมาณ 3 บาทต่อหน่วย) ตลอดอายุสัญญาระยะเวลา 20 ปี และเมื่อจ่ายไฟฟ้าเต็มปีคาดว่าจะส่งผลให้มีรายได้ราว 3,000 ล้านบาท

พร้อมกันนี้ ยังอยู่ระหว่างศึกษาเข้าซื้อกิจการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน (โซลาร์ฟาร์ม) โครงการ DAU TIENG 3 (DT3) ขนาดกำลังการผลิต 60 เมกะวัตต์ ในเวียดนามเพิ่มเติม ซึ่งโครงการนี้ฯ ยังมีโอกาสขยายกำลังการได้อีก 60 เมกะวัตต์ รวมเป็น 120 เมกะวัตต์ ส่วนมูลค่าเงินลงทุนนั้น ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ เพราะต้องประเมินหลายปัจจัย แต่โดยทั่วไปการลงทุนผลิตไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์ม จะใช้เงินอยู่ที่ประมาณ 1.2 ล้านดอลลาร์ต่อเมกะวัตต์ คาดว่าจะมีความชัดเจนในการตัดสินใจลงทุนโครงการดังกล่าวได้ภายในปีนี้ รวมทั้งยังได้ศึกษาลงทุนพลังงานลมและโรงไฟฟ้าระบบเชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติในประเทศเวียดนามอีกด้วย

ขณะที่ประเทศกัมพูชา BGRIM มีการศึกษาลงทุนโซลาร์ฟาร์มหลายเมกะวัตต์ อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ BGRIM ได้ร่วมกับบริษัท ปอยเปต พีพีเอสอีแซดโค ซึ่งเป็นบริษัทลูกของพนมเปญ เอสอีแซด เป็นผู้บริหารเขตเศรษฐกิจพิเศษปอยเปต และได้ดำเนินการลงทุนระบบสายส่งให้กับนิคมอุตสาหกรรมปอยเปต ก็เป็นโอกาสที่จะขยายการลงทุนต่อเนื่อง

ส่วนการลงทุนโรงไฟฟ้าใน สปป.ลาว ปัจจุบันอยู่ระหว่างการก่อโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำตาดสะโกนขนาดกำลังการผลิต 30 เมกะวัตต์ใช้เงินลงทุนราว 1,800 ล้านบาท และพร้อมจะขยายการลงทุนโครงการพลังงานน้ำคาว 5 โครงการ กำลังการผลิตรวม 67.5 ต่อไป ส่วนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำเซกอง 4 ขนาดกำลังการผลิต 340 เมกะวัตต์ ที่ร่วมลงทุนกับ บริษัท ราชกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ RATCH อยู่ระหว่างเจรจาค่าไฟฟ้ากับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) โครงการนี้มีมูลค่าการลงทุนประมาณ 835 ล้านเหรียญสหรัฐ โดย RATCH มีสัดส่วนลงทุน 60% BGRIM ถือหุ้นสัดส่วน  20%  และ  Lao World Engineering & Construction Co., Ltd.  ถือหุ้นสัดส่วน 20%

ส่วนฟิลิปปินส์ เตรียมศึกษาเข้าลงทุนโครงการไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนหลังคา (โซลาร์รูฟท็อป) ในโรงงานอุตสาหกรรมผลิตนม ขนาดใหญ่ ประมาณ 6 เมกะวัตต์ คาดว่าจะมีความชัดเจนในการลงทุนเร็วๆ นี้ ส่วนโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติในมาเลเซียรอความชัดเจนเรื่องการสนับสนุนการลงทุนของรัฐบาลมาเลเซียก่อน นอกจากนี้ บริษัท ยังศึกษาการลงทุนในประเทศเกาหลีใต้ โดยได้ร่วมถือหุ้นกับ Korean Midland Power Co.,Ltd. (KOMIPO) ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจของเกาหลีใต้เพื่อศึกษาโอกาสร่วมลงทุนพลังงานทดแทนและพลังงานสะอาด

อย่างไรก็ตาม บริษัทมั่นใจว่าจะสามารถขยายการลงทุนโรงไฟฟ้าได้ตามเป้าหมายที่ 5,000 เมกะวัตต์ใน 3 ปี จากปัจจุบัน มีกำลังผลิตไฟฟ้าตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า(PPA) แล้วประมาณ 3,240 เมกะวัตต์ โดยจะมีสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าในประเทศอยู่ที่ 70% และต่างประเทศอยู่ที่ 30% จากปัจจุบันสัดส่วนในประเทศอยู่ที่ 75% และต่างประเทศอยู่ที่ 25%

ทั้งนี้ บริษัทมีความพร้อมและศักยภาพเพียงพอต่อการลงทุนเนื่องจากมีกระแสเงินสดเข้ามาปีละประมาณ 12,000-14,000 ล้านบาทต่อปี สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานของบริษัทในปีนี้ ยังจะเติบโตราว 15-20% จากปีก่อน หรือ มีรายได้เติบโตเกินกว่าเป้าหมายที่วางไว้ที่ 42,000 ล้านบาท