Phones





PACO ดันรายได้800ล. ผุดสินค้าใหม่รับเทรนด์รถEV

2021-07-08 14:49:33 363



 
นิวส์ คอนเน็คท์ - PACO ยันรายได้ปี 64 แตะ 800 ล้านบาท มุ่งหน้าสู่ 1,000 ล้านบาทปี 65 ผุดสินค้ากลุ่มใหม่ "แบตเตอรี่คูลเลอร์" รับเทรนด์ยานยนต์ไฟฟ้า มั่นใจผลตอบรับดีเยี่ยม
เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2564 นายสมชาย เลิศขจรกิตติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เพรสซิเด้นท์ ออโตโมบิล อินดัสทรีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ PACO เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจรายได้ปี 64 จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 15% หรือประมาณ 800 ล้านบาท โดยบริษัทได้รับผลดีจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลง​ เนื่องจากรายได้หลักของบริษัทซึ่งมาจากการส่งออกประมาณ 53% ประกอบกับราคาวัตถุดิบเริ่มปรับตัวลดลง 

ส่วนตลาดในประเทศ บริษัทมั่นใจว่าแผนการขยายเครือข่ายร้านอะไหล่แอร์รถยนต์ครบวงจร ภายใต้แบรนด์ PACO Auto Hub ได้ถึง 300 สาขาภายในปีนี้ ซึ่งจะช่วยเพิ่มยอดขาย ตลอดจนสร้างแบรนด์ PACO ให้เป็นที่ รู้จักในกลุ่มผู้ใช้รถยนต์ในประเทศ และเสริมความแข็งแกร่งด้านการจำหน่ายสินค้าในทุกช่องทางได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นอกจากนั้น​ บริษัทยังเตรียมออกโปรดักส์ใหม่อย่างต่อเนื่องในช่วงไตรมาส​ 3-4/64 เพื่อตอบสนองความต้องการอย่างครบวงจร

ด้านภาพรวมอุตสาหกรรมรถยนต์ปีนี้มองว่าตลาดรถยนต์ทั่วโลกฟื้นตัวดี มีคำสั่งซื้อรถยนต์ใหม่ และอะไหล่รถยนต์เพิ่มมากขึ้น โดยตลาดส่งออกหลักของบริษัท คือ ประเทศในกลุ่มตะวันออกกลาง มีเศรษฐกิจที่ดีขึ้น จากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่เพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง จากความต้องการใช้น้ำมันที่มากขึ้นจากการเปิดเมือง ของสหรัฐอเมริกา และทวีปยุโรป ทำให้บริษัทได้รับคำสั่งซื้อแอร์รถยนต์ซึ่งเป็นสินค้าหลักเพิ่มขึ้นอย่างมาก ดังนั้น​ บริษัทจึงประเมินเป้าหมายรายได้ปี 65 ไว้ที่ 1,000 ล้านบาท 

ล่าสุดบริษัทได้เปิดตัวสินค้ากลุ่มใหม่ เพื่อรองรับเทรนด์ใหม่ของโลก คือ ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) โดยเริ่มจาก ผลิตภัณฑ์ แบตเตอรี่คูลเลอร์ ซึ่งเป็น 1 ในชิ้นส่วนสำคัญสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าแบบ BEV และ PHEV (Plug-in Hybrid) ซึ่งขณะนี้ PACO ได้ผลิต แบตเตอรี่คูลเลอร์ สำหรับ Tesla ซึ่งเป็น แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าอันดับ 1 ของโลก สำหรับรุ่น Tesla Model X และ Tesla 3 ตลอดจน รถยนต์ Plug-in Hybrid แบรนด์ BMW Series 3 และ Series 5 รุ่นปัจจุบัน (G20 และ G30) ซึ่งได้รับความนิยมสูงทั่วโลก โดย PACO เป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ทดแทนรายแรกของไทย ที่เริ่มเปิดตลาดแบตเตอรี่คูลเลอร์ ทั้งตลาดส่งออกและตลาดในประเทศ

สำหรับคำสั่งซื้อของสินค้าตัวใหม่นั้นได้มีเข้ามาแล้วจากต่างประเทศ โดยจะเริ่มทยอยส่งมอบอย่างต่อเนื่อง แต่ในปีนี้อาจยังไม่สะท้อนต่อผลการดำเนินงานมากนัก ซึ่งเป็นเพียงการทำตลาดเพื่อให้ทั่วโลกเป็นที่รู้จัก แต่ในปี 65 สินค้าตัวใหม่จะส่งผลเชิงบวกอย่างมีนัยสำคัญต่อผลการดำเนินงาน โดยมองว่ามีความต้องการสูง.