นิวส์ คอนเน็คท์ – SCB เดินหน้าสร้างพันธมิตรระดับโลก หวังปูทางสู่การขยายช่องทางธุรกิจใหม่ๆ และต่อยอดสู่การร่วมลงทุน ขณะที่ผลงานไตรมาส 2/62 กำไรเติบโตสูง 20% จากไตรมาสก่อนหน้า มาอยู่ที่ 10,976 ล้านบาท หลังค่าใช้จ่ายในโครงการ Transformation เริ่มทยอยปรับตัวลดลง ขณะที่สินเชื่อยังขยายตัว 3% หนุนรายได้ดอกเบี้ยปรับตัวเพิ่มขึ้น

นายอาทิตย์ นันทวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและประธานกรรมการบริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจของธนาคารในช่วงครึ่งปีแรกของปี 62 ยังมีการเติบโตแข็งแกร่ง รวมทั้งค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานมีแนวโน้มที่ดีขึ้น โดยธนาคารมีความพยายามในการสร้างพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อเปิดประตูไปสู่การร่วมลงทุน และนำความรู้ความชำนาญของพันธมิตรทางธุรกิจในระดับโลกมาใช้เพื่อผลักดันการขยายตัวในธุรกิจใหม่

โดยที่ผ่านมาธนาคารได้ประสบความสำเร็จในการพัฒนาขีดความสามารถใหม่ๆ จากโครงการ Transformation และกำลังใช้ความสามารถดังกล่าวในการสร้างรายได้เพื่อผลักดันการเติบโตในอนาคต รวมทั้งธนาคารจะนำขีดความสามารถดังกล่าวมาใช้ในเชิงรุกยิ่งขึ้นในการสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ทั้งจากการเติบโตของธุรกิจของธนาคาร และการเติบโตผ่านการซื้อหรือการลงทุนในธุรกิจเป้าหมาย

สำหรับผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 2/62 ที่ผ่านมา ธนาคารมีรายได้จากการดำเนินงาน 36,041 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ขณะที่กำไรจากการดำเนินงานที่ปรับตัวดีขึ้น ส่งผลให้กำไรสุทธิในช่วงไตรมาส 2/62 อยู่ที่ 10,976 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19.9% จากไตรมาสก่อน แต่ลดลง 1.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ผลการดำเนินงานช่วงครึ่งปีแรกของปี 62 ธนาคารมีกำไรสุทธิ 20,132 ล้านบาท

ทั้งนี้ ในไตรมาส 2/62 รายได้ดอกเบี้ยสุทธิมีจำนวน 25,536 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นจากการปรับพอร์ตสินเชื่อด้วยการเพิ่มสัดส่วนของสินเชื่อที่ให้ผลตอบแทนสูง โดยสินเชื่อรวมขยายตัวประมาณ 3% จากปีก่อนในส่วนของรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยมีจำนวน 10,505 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แม้ธุรกิจประกันชีวิต ของ SCB Life ชะลอตัว

นอกจากนี้ การดำเนินงานของโครงการ Transformation กำลังอยู่ ในช่วงสุดท้าย และส่งผลให้ค่าใช้จ่ายจากการลงทุนในโครงการดังกล่าวกำลังจะหมดลง ส่งลผให้อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้ปรับตัวดีขึ้นจาก 51.6% ในไตรมาส 1/62 มาเป็น 46.2% ณ สิ้นเดือนมิ.ย. 62 อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL) ทรงตัวที่ 2.77% และในไตรมาส 2/62 ธนาคารได้ตั้งค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญรวม 5,909 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราส่วนค่าใช้จ่ายหนี้สูญต่อสินเชื่อที่ 1.10% ส่งผลให้ อัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพอยู่ในระดับที่ 153% ในขณะที่เงินกองทุนตามกฎหมายของ ธนาคารยังอยู่ในระดับแข็งแกร่งที่ 17.1%