Phones





MTC ปรับเพิ่มเป้าสินเชื่อปีนี้โต 30-35%

2021-08-11 09:57:05 387



 
นิวส์ คอนเน็คท์ - MTC ปรับเพิ่มเป้าพอร์ตสินเชื่อปีนี้โต 30-35% จากเดิม 20-25% หลังความต้องการพุ่ง เปิดสาขาได้ตามเป้า อวดงบงวด 6 เดือนแรกปี 64 กำไรแตะ 2,644 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.59% ระบุครึ่งปีหลังแนวโน้มดี เข้าสู่ช่วงฤดูกาลเพาะปลูก เดินหน้าขยายสาขาตามเป้าสิ้นปีครบ 5,500 สาขา พร้อมคุม NPLไม่เกิน 2% 

เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2564 นายชูชาติ เพ็ชรอำไพ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ MTC เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกของปี 64 มีรายได้รวม 7,753 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.12% จากงวดเดียวกันปีก่อนมีรายได้รวม 7,105 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 2,644 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 5.59% จากงวดเดียวกันปีก่อนมีกำไรสุทธิ 2,504 ล้านบาท

ขณะที่ไตรมาส 2/64 บริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้รวม 3,896 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.07% จากงวดเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 3,572 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 1,270 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.24% จากงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 1,267 ล้านบาท เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลให้ความต้องการเงินทุนเพิ่มขึ้น ทำให้ยอดสินเชื่อเติบโตมากขึ้น ในช่วงครึ่งปีแรกมียอดสินเชื่อคงค้างกว่า 79,830 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16,656 ล้านบาท หรือ 26.37% จากงวดเดียวกันปีก่อน

ขณะเดียวกันบริษัทมีการเปิดสาขาใหม่ ช่วยขยายฐานลูกค้าเพิ่มขึ้น โดยครึ่งปีแรก มีสาขาใหม่เพิ่มขึ้นจำนวน 400 สาขา ส่งผลให้มีปัจจุบันบริษัทมีสาขารวม 5,284 สาขา กระจายอยู่ทั่วประเทศ

ทั้งนี้ภาพรวมครึ่งปีแรกความต้องการสินเชื่อเติบโตได้ดี ทำให้บริษัทจึงปรับเป้าหมายการเติบโตของพอร์ตสินเชื่อปีนี้เป็น 30-35% จากเดิมที่อยู่ที่ 20-25% เนื่องจากความต้องการสินเชื่อเพิ่มขึ้นกว่าที่คาดการณ์ไว้ จากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ยังไม่สู้ดี ทำให้ลูกค้ามีความจำเป็นต้องการเงินทุนเพิ่มขึ้น ประกอบกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยทำให้เข้าถึงสินเชื่อได้ง่ายขึ้น รวมถึงจำนวนสาขาเพิ่มขึ้น ซึ่งบริษัทได้วางงบลงทุนสำหรับการขยายสาขาไว้ที่ 300 ล้านบาท รองรับแผนเปิดเพิ่มอีก 600 สาขา คาดว่าจะครบ 5,500 สาขา ภายในสิ้นปีนี้

สำหรับแนวโน้มธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลัง น่าจะมีทิศทางที่ดีกว่าครึ่งปีแรก เนื่องจากความต้องการสินเชื่อของลูกค้ายังคงอยู่ในระดับสูง หลังเข้าสู่ช่วงฤดูกาลหน้าฝนจึงทำให้ลูกค้าในกลุ่มเกษตรกรมีความต้องการเงินทุนไปใช้ในการเพาะปลูกมีจำนวนมากกว่าช่วงปกติ ประกอบกับสถานการณ์โควิด-19 ที่กดดันให้ความต้องการสินเชื่อเพิ่มมากขึ้น เพราะภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวและได้รับผลกระทบกันเป็นวงกว้าง 

อย่างไรก็ตามจากดีมานด์ที่เพิ่มสูงขึ้น จึงทำให้บริษัทต้องคัดกรองคุณภาพสินเชื่อของลูกค้าด้วยความระมัดระวัง โดยตั้งเป้าหมายการคุมระดับเอ็นพีแอลไม่เกิน 2% และบริษัทมั่นใจว่าจะสามารถผ่านสถานการณ์วิกฤติเศรษฐกิจในรอบนี้ไปได้ ด้วยกลยุทธ์การบริหารงาน โดยเน้นการควบคุมต้นทุนค่าใช้จ่ายให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด