Phones





SIRI จับมือ SCB เปิดตัว “หุ้นกู้แสนสิริ i-EASY”

2021-09-06 17:08:59 282



 
นิวส์ คอนเน็คท์ - แสนสิริ จับมือ ไทยพาณิชย์ ปฏิวัติการลงทุนในหุ้นกู้ เปิดตัว “หุ้นกู้แสนสิริ i-EASY” พลิกโฉมการลงทุน ในหุ้นกู้บริษัทเอกชนที่ทุกคนเข้าถึงได้และมีโอกาสซื้อเท่าเทียมกัน ซื้อง่ายผ่านออนไลน์ มูลค่าไม่เกิน 500 ล้านบาท
 
เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2564 นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานอำนวยการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI เปิดเผยว่า จากความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่ให้ความมั่นใจในหุ้นกู้แสนสิริ ซึ่งให้ผลตอบแทนดีและเป็นที่ต้องการของนักลงทุนรายย่อย รวมทั้งความแข็งแกร่งในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จากการมองตลาดเร็วและพร้อมปรับตัวรองรับทุกสถานการณ์อยู่ตลอดเวลาของแสนสิริ ทำให้หุ้นกู้แสนสิริได้รับการตอบรับที่ดีตลอดปี 64
 
นอกจากนี้ แนวทางการดำเนินธุรกิจของแสนสิริในปีนี้ ยังเดินหน้าสร้างความแข็งแกร่งด้วยการเป็นแบรนด์ที่จับต้องง่ายและเป็น “แบรนด์ที่ทุกคนเข้าถึงได้” ซึ่งไม่ใช่เพียงเฉพาะการพัฒนาโปรดักส์ ภายใต้แนวคิด Made for Life… Made for Everyone เพื่อให้เป็นแบรนด์ที่เข้าถึงได้ในทุกระดับราคา แสนสิริยังมองถึงความสำคัญในด้านการลงทุนที่ต้องเท่าเทียมและเข้าถึงได้
 
ล่าสุด แสนสิริจับมือไทยพาณิชย์ เตรียมเสนอขายหุ้นกู้ ที่จะนับเป็นการพลิกโฉมการลงทุนหุ้นกู้บริษัทเอกชนให้เท่าเทียมและเข้าถึงได้ ครั้งแรกของเมืองไทย! ด้วยการเปิดตัว “หุ้นกู้แสนสิริ i-EASY” หุ้นกู้ที่เข้าถึงได้ ซื้อง่ายผ่านออนไลน์ มูลค่าไม่เกิน 500 ล้านบาท เป็นหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ อายุหุ้นกู้ 2 ปี 6 เดือน อัตราดอกเบี้ยสูงถึง 3% ต่อปี จ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือนตลอดอายุหุ้นกู้ ด้วยวงเงินจองซื้อขั้นต่ำเพียง 10,000 บาท ต่ำกว่าหุ้นกู้ปกติถึง 10 เท่า! เพื่อให้ทุกคนเข้าถึงการลงทุนได้ โดยจะเปิดจองในวันที่ 16 – 20 ก.ย.64 นี้ ผ่าน SCB Easy App เท่านั้น เพื่อให้นักลงทุนรายย่อยเข้าถึงได้อย่างเท่าเทียม
 
“ความร่วมมือกับธนาคารไทยพาณิชย์ เปิดตัว “หุ้นกู้แสนสิริ i-EASY” ในครั้งนี้ จะนับเป็นการพลิกโฉมและสร้างปรากฎการณ์ใหม่ของการลงทุนหุ้นกู้ของบริษัทเอกชน ครั้งแรกของเมืองไทย! ให้คนทุกกลุ่มเข้าถึงการลงทุน ด้วยวงเงินการลงทุนขั้นต่ำที่น้อยลง ซึ่งทุกคนจะสามารถซื้อได้ผ่านออนไลน์ที่ทุกคนมีโอกาสเท่าเทียมกัน รวมทั้งรองรับความต้องการของนักลงทุนรายย่อยที่ยังมีดีมานด์และพลาดโอกาสลงทุนในหุ้นกู้แสนสิริ มูลค่า 6,000 ล้านบาทที่เพิ่งปิดการขายไปอย่างรวดเร็ว จากความโดดเด่นของ “หุ้นกู้แสนสิริ i-EASY” ที่ให้ผลตอบแทนดี มีเงินไม่มากก็ลงทุนได้ และซื้อได้อย่างเท่าเทียมผ่านออนไลน์ ซึ่งแสนสิริเล็งพัฒนาการลงทุนรูปแบบใหม่นี้ เพื่อรองรับธุรกรรมที่มีความหลากหลายในอนาคตอีกด้วย” นายเศรษฐา กล่าว
 
ทั้งนี้ แสนสิริยังนับเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มีความมั่นคงภายใต้การดำเนินธุรกิจที่แข็งแกร่งในทุกสถานการณ์ ด้วยแผนธุรกิจที่แข่งกับสภาพตลาด จนสามารถสร้างผลงานได้อย่างโดดเด่น เทียบกับความท้าทายในการทำธุรกิจภายใต้สถานการณ์โควิดที่ส่งผลกระทบไปทั่วโลกรวมถึงประเทศไทย สะท้อนผ่านอันดับความน่าเชื่อถือของหุ้นกู้ที่ระดับ BBB+ แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” จาก ทริสเรทติ้งเมื่อวันที่ 2 ก.ย.64 ที่แสดงให้เห็นถึงสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งทั้งในตลาดโครงการบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม มิกซ์โปรดักส์ และคอนโดมิเนียม รวมทั้งความแข็งแกร่งระยะยาวในอนาคต ด้วยยอดขายรอโอน (Backlog) รวมโครงการร่วมทุนในคอนโดมิเนียม มูลค่ารวมประมาณ 25,900 ล้านบาท
 
ขณะที่ล่าสุดบริษัทสามารถสร้างยอดขายรวมไปได้ถึง 23,600 ล้านบาท คิดเป็น 76% จากเป้าหมายยอดขาย 31,000 ล้านบาท มียอดโอนโครงการที่ส่งมอบให้กับลูกค้าไปแล้วถึง 20,700 ล้านบาท หรือคิดเป็น 67% จากเป้าหมายยอดโอน 31,000 ล้านบาท พร้อมสภาพคล่องที่มีในมือถึง 17,000 ล้านบาท ทำให้เราพร้อมเติบโตอย่างแข็งแกร่งในช่วงที่เหลือของปีนี้สอดรับในทุกสถานการณ์
 
นายสารัชต์ รัตนาภรณ์ ผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB กล่าวว่า หุ้นกู้แสนสิริ i-EASY นับเป็นปรากฏการณ์ใหม่ในการเสนอขายหุ้นกู้สำหรับนักลงทุนรายย่อยอย่างแท้จริง ธนาคารไทยพาณิชย์ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ครั้งนี้ จะเปิดเสนอขายหุ้นกู้ทั้งหมดผ่านช่องทางแอปพลิเคชัน SCB Easy ซึ่งเป็นช่องทางศักยภาพที่จะเปิดโอกาสให้นักลงทุนรายย่อย และประชาชนทั่วไปที่มีความต้องการการลงทุนที่หลากหลายก็สามารถจองซื้อหุ้นกู้ผ่านช่องทางนี้ได้อย่างสะดวก รวดเร็ว ตรงตามวัตถุประสงค์ของแสนสิริที่ต้องการให้คนไทยสามารถลงทุนในหุ้นกู้นี้ได้อย่างทั่วถึงและเท่าเทียม โดยเฉพาะกลุ่มนักลงทุนรายย่อยที่อาจจะพลาดการลงทุนในหุ้นกู้แสนสิริในรอบก่อนๆ ทั้งยังเป็นมิติใหม่ของวงการหุ้นกู้บริษัทเอกชนในประเทศไทย ที่เสนอขายขั้นต่ำเริ่มต้นเพียง 10,000 บาท จึงเป็นโอกาสของประชาชนทั่วไปที่จะสามารถเข้าถึงทางเลือกใหม่ในการลงทุนอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน