Phones





SCBแนะจังหวะลงทุนหุ้นสหรัฐ-ยุโรป

2021-10-07 18:46:28 256



 
นิวส์ คอนเน็คท์ - SCB ชี้ช่องลงทุนช่วงตลาดผันผวน แนะลงทุนหุ้นสหรัฐ – ยุโรป เน้นกลุ่ม Quality growth พร้อมเปิด 3 ธุรกิจโลกยุคใหม่ “Fintech – Cybersecurity – Renewable Energy & EV & Energy Storage” มีอนาคต
 
เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2564 นายกำพล อดิเรกสมบัติ ผู้อำนวยการอาวุโส , Chief Investment Office ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB เปิดเผยว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และภาคธุรกิจที่แตกต่างกันกำลังจะนำไปสู่การทำนโยบายเศรษฐกิจทั้งทางด้านการเงิน และ การคลังที่แตกต่างกัน การดำเนินนโยบายเศรษฐกิจเริ่มมีความแตกต่างมากยิ่งขึ้น โดยประเทศในกลุ่ม Developed Markets (DMs) เช่น สหรัฐฯ และ อังกฤษ ที่เริ่มส่งสัญญาณถอนคันเร่งนโยบายการเงิน โดยชะลอการเข้าซื้อพันธบัตร (QE tapering) และขึ้นดอกเบี้ยนโยบายตามความพร้อมของเศรษฐกิจในประเทศนั้น ๆ
 
โดยประเด็นดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อ Emerging markets ผ่านต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้น และ ความผันผวนของกระแสเงินทุน (fund flows) สำหรับนโยบายการคลัง การกระตุ้นเศรษฐกิจที่ผ่านมามีต้นทุนสูงสะท้อนจากหนี้สาธารณะที่สูงขึ้นค่อนข้างเร็วในหลายประเทศ และอัตราเงินเฟ้อที่เร่งตัวสูง ซึ่งแม้จะเป็นเพียงปัจจัยชั่วคราว แต่ประเมินว่าจะใช้เวลาพอสมควรในการที่อัตราเงินเฟ้อจะชะลอตัวลง
 
อย่างไรก็ตาม การเพิ่มขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรของประเทศในกลุ่ม DMs ในระยะข้างหน้าจะเป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรแท้จริง (real yields) จะยังอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับในอดีต ดังนั้นผลกระทบต่อ valuation หุ้นกลุ่ม Quality growth อยู่ในระดับที่จัดการได้ และ ยังได้รับแรงหนุนจากกระแสแนวโน้มธุรกิจใหม่ ๆ ที่จะเกิดขึ้นหลังวิกฤต COVID-19 (new normal in business trends)
 
ทั้งนี้ ความเสี่ยงหลักของหุ้นกลุ่ม Quality growth คือ ผลกระทบจากการขึ้นภาษี และ การเปลี่ยนแปลงของกฎเกณฑ์ภาครัฐ (Regulatory risks) แต่คาดว่าการขึ้นภาษีของภาครัฐ เช่น ในกรณีของสหรัฐฯ อาจทำได้ไม่มากเท่ากับที่ประกาศไว้เนื่องจากการทำมาตรการโครงสร้างพื้นฐานอาจมีการลดขนาดให้เล็กลง สำหรับหุ้นกลุ่มอื่น ๆ เชื่อว่า การมีหุ้นในกลุ่ม Value ยังเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อเป็นการป้องกันความผันผวนในช่วงที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรมีการขยับขึ้นเร็ว
 
สำหรับการจัดสรรการลงทุนประเมินว่า กลุ่ม Developed markets มีการฟื้นตัวของเศรษฐกิจได้ดี หรือ หดตัวน้อยในช่วงวิกฤติ ทำให้มีการฟื้นตัวของกำไร และ ความสามารถในการทำกำไรในระยะข้างหน้าของบริษัทจดทะเบียนได้ดีกว่าตามไปด้วย ทั้งนี้ ในช่วงที่ภาวะตลาดผันผวนเป็นโอกาสที่ดีในการเข้าสะสมหุ้นกลุ่มสหรัฐ และ ยุโรป โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่ม Quality growth ที่ยังมีผลประกอบการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
 
นอกจากนี้ หุ้นญี่ปุ่นมีความน่าสนใจจากแนวโน้มการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลใหม่ และ ราคาหุ้นไม่แพงเมื่อเทียบกับตลาด DMs อื่น ๆ ส่วนการลงทุนในจีนยังคงมุมมองตลาดหุ้น A-Share ที่ neutral จากนโยบายมุ่งเน้นเติบโตจากภายในประเทศของจีน เช่น นโยบาย dual circulation และ common prosperity และ คงมุมมองตลาดหุ้นจีน H- Share ที่ slightly negative เนื่องจากมีความเสี่ยงด้านกฎเกณฑ์ของรัฐที่มีแนวโน้มยืดเยื้ออยู่ค่อนข้างมาก
 
ด้านตลาดหุ้นอาเซียน เวียดนาม ยังคงน่าสนใจอย่างต่อเนื่อง แม้เศรษฐกิจ และ ผลประกอบการจะชะลอลงในช่วงไตรมาส 3/64 แต่ตลาดหุ้นได้สะท้อนการรับรู้ไปบ้างแล้ว โดยในระยะข้างหน้าจะมีการฟื้นตัวได้ของภาคการส่งออกตามเศรษฐกิจโลก และ ความคืบหน้าในการนำเข้า และ ฉีดวัคซีนที่มีประสิทธิภาพสูงต่อสายพันธุ์เดลต้าทำให้การเปิดเมือง และ กิจกรรมทางเศรษฐกิจทยอยกลับมาได้ ส่วนตลาดหุ้นไทยมองเป็น slightly negative จากแนวโน้มการฟื้นตัวของกำไรที่เสี่ยงถูกปรับลดลง และ ความตึงตัวของ valuation เมื่อเทียบกับตลาดอาเซียนอื่น
 
นายศรชัย สุเนต์ตา ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารฝ่าย SCB Chief Investment Office (CIO) ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB เปิดเผยมุมมองต่อการลงทุนในกลุ่มธุรกิจ Transformation ว่า มี 3 กลุ่มธุรกิจที่น่าสนใจที่มาพร้อมการเติบโตของอุตสาหกรรมแห่งอนาคต ประกอบด้วย
 
ธุรกิจเทคโนโลยีการเงิน (Fintech) จากกระแสเทคโนโลยีทางการเงิน (Financial Technology) ที่กำลังทวีความสำคัญขึ้นในทุกองค์กรทั่วโลก และ กระแส Digital Transformation ทั้งในประเทศ และ ต่างประเทศที่ถูกเร่งกระบวนการขึ้นหลังเกิดการระบาดใหญ่ของโควิด-19 และ เทรนด์การลงทุนใน Fintech กำลังเป็นที่นิยมมากขึ้นทั่วโลก ทำให้กระแสการลงทุนในบริษัท Fintech ใน Centralized และ Decentralized Finance เติบโตอย่างรวดเร็ว
 
ธุรกิจด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cybersecurity) ในยุคที่หน่วยงานมีการเชื่อมโยงระหว่างกัน และ มีปริมาณข้อมูลเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล ความปลอดภัยด้านไซเบอร์เป็นความเสี่ยงทางธุรกิจที่สำคัญมากขึ้น การใช้งานอินเตอร์เน็ต และ ระบบออนไลน์เป็นไปอย่างแพร่หลายในทุกองค์กร โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับบริษัทที่มีสินทรัพย์ไม่มีตัวตนที่สำคัญ
 
ธุรกิจพลังงานหมุนเวียน และ รถยนต์ไฟฟ้าและการกักเก็บพลังงาน (Renewable Energy & EV & Energy Storage) จากกระแสการลดภาวะโลกร้อนสู่การใช้รถยนต์ไฟฟ้าแทนเครื่องยนต์สันดาปเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และ นโยบายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emission) ทั่วโลก รวมถึงแนวทางการพัฒนาพลังงานทางเลือก และ พลังงานหมุนเวียนที่ยั่งยืนแทนการใช้พลังงานจากน้ำมันและ ถ่านหิน ก่อให้เกิดการเติบโตในหลายอุตสาหกรรมพลังงานหมุนเวียนที่เกี่ยวเนื่อง ซึ่งจะสร้างโอกาสการลงทุนอย่างมากในมุมของห่วงโซ่การผลิตในธุรกิจ EV & Energy Storage โดยเฉพาะในบริษัทที่มีนวัตกรรมเทคโนโลยีด้านพลังงาน
 
โดยการลงทุนในระยะยาวสำหรับหุ้นใน 3 กลุ่มอุตสาหกรรม Transformation มองว่า การคัดเลือกบริษัทที่เป็นผู้นำในกลุ่มจะมีแนวโน้มสามารถสร้างผลตอบแทนการลงทุนที่น่าพอใจให้กับนักลงทุนได้จากการเติบโตของอุตสาหกรรมที่ยังสูงต่อเนื่องในอนาคต นอกจากนี้ การลงทุนหุ้นในกลุ่ม ESG ที่คำนึงถึงประเด็นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และ ธรรมาภิบาล เป็นอีกธีมการลงทุนยอดนิยมในช่วงหลายปีที่ผ่านมา