Phones





SEAFCO ทยอยนำเข้าแรงงาน เพิ่มโอกาสผลงาน'เทิร์นอะราวด์'

2022-06-21 08:37:09 1686



SEAFCO ทยอยนำเข้าแรงงาน เพิ่มโอกาสผลงาน'เทิร์นอะราวด์' (สกู๊ปพิเศษ)

หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เริ่มคลี่คลาย รวมไปถึงการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ และการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ส่งผลให้หลายธุรกิจเริ่มกลับมาเริ่มตาอ้าปาก รวมถึงความคาดหวังว่าผลประกอบการจะกลับมาฟื้นตัวได้ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 65 ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ บมจ.ซีฟโก้ หรือ SEAFCO แม้จะไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องการท่องเที่ยว แต่ตลอด 1-2 ปีที่ผ่านมา SEAFCO ต้องเผชิญกับปัญหาการขาดแคลนแรงงาน ซึ่งแม้จะมีงานในมือ แต่ก็ไม่สามารถส่งมอบงานได้ เพราะไม่สามารถนำเข้าแรงงานจากประเทศเพื่อนบ้านได้

‘ดร.ณรงค์ ทัศนนิพันธ์’ แม่ทัพใหญ่ของ SEAFCO ระบุว่า สถานการณ์การขาดแคลนแรงงานเริ่มจะเห็นสัญญาณที่ดีขึ้นหลังเปิดประเทศ แม้ตอนนี้จะยังนำเข้าแรงงานมาได้ไม่มากนัก แต่ก็ยังดีกว่าปีก่อน ซึ่งจะช่วยให้การส่งมอบงานทำได้ตามเป้าหมายมากขึ้น แม้ผลประกอบการไตรมาส 2/65 อาจจะยังมีผลขาดทุนอยู่ แต่มั่นใจว่าตั้งแต่ช่วงครึ่งปีหลังของปี 65 ผลประกอบการจะเริ่มฟื้นตัวชัดเจน และหากมีงานใหม่ๆ ออกมากขึ้น ก็อาจจะเห็นผลประกอบการพลิกเป็นกำไรได้

“เราอยากสร้างความมั่นใจให้นักลงทุนและผู้ถือหุ้นของเรา ที่ผ่านมาในช่วงที่ธุรกิจไม่ดี ผมก็บอกว่าไม่ดี แต่จากสถานการณ์ตอนนี้ ผมมั่นใจว่าผลประกอบการได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และครึ่งปีหลังน่าจะเริ่มเห็นการเทิร์นอะราวด์ของผลประกอบการอย่างชัดเจน ส่วนเรื่องราคาหุ้นส่วนตัวไม่ได้กังวลเพราะเป็นเรื่องของตลาด แต่จะเห็นว่าราคาหุ้น SEAFCO ไม่ได้ปรับตัวลงมาเยอะเหมือนหุ้นตัวอื่นๆ แต่ราคาลดลงตามพื้นฐานในช่วงเวลานั้น” ดร.ณรงค์ กล่าว
ด้าน บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส ระบุว่า แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2/65 ของ SEAFCO จะยังขาดทุนเหมือนไตรมาสก่อน เนื่องจากเป็นช่วงเทศกาลที่มีวันหยุดยาวค่อนข้างมาก จำนวนวันทำงานที่น้อย และยังมีการรับรู้รายได้จากงานโครงการที่ประมูลเข้ามาในปี 64 ซึ่งมีมาร์จิ้นต่ำเข้ามาอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าได้เริ่มโครงการขนาดใหญ่คือ สะพานพระราม 2-บ้านแพ้ว แล้วก็ตาม แต่ถือว่ายังไม่มาก

อย่างไรก็ตาม การที่ SEAFCO ทยอยแก้ปัญหาแรงงาน ทำให้ครึ่งปีหลังของปี 65 ฟื้นตัวได้ หลังจากประสบปัญหาแรงงานขาดแคลนมาตั้งแต่ปี 64 ถึงปัจจุบัน โดย SEAFCO ได้วางแผนว่าในช่วงที่เหลือของปีนี้ คือไตรมาส 2/65 จะมีแรงงานต่างประเทศเข้ามาเพิ่ม 100 คน, ไตรมาส 3/65 จะมีแรงงานเข้ามาเพิ่มอีก 100 คน และไตรมาส 4/65 จะมีแรงงานเข้ามาเพิ่มอีก 50 คน รวมเป็น 250 คน ซึ่งบริษัทเชื่อว่าจะเพียงพอต่อโครงการต่างๆ ที่จะออกมาเพิ่มเติมในช่วงที่เหลือของปีนี้ เมื่อรวมกับคนงานเดิมที่มีอยู่ราว 200 คน จะเป็น 450 คน 

ขณะที่ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 65 SEAFCO จะรับรู้รายได้โครงการสะพานพระราม 2-บ้านแพ้วเต็มที่ ซึ่งบริษัทได้มา 2 ตอน มูลค่างาน (ไม่คิดค่าแรง) อยู่ที่ 200-300 ล้านบาท มีอัตรากำไรอยู่ในเกณฑ์ดี และคาดว่าจะเริ่มงานฐานราก Central Embassy ได้ ตั้งแต่ไตรมาส 3/65 จากเดิมมูลค่างานอยู่ที่ราว 700 ล้านาท แต่ต้นทุนวัสดุก่อสร้างที่ปรับเพิ่มขึ้น ทำให้ต้องเจรจามูลค่างานใหม่ และมีโอกาสได้งานใหม่ขนาดใหญ่คือ รถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ ซึ่งต้องทำงานฐานราก สำหรับ 6 สถานีซึ่งเป็นการรับเหมาช่วงจาก CK แต่จากมูลค่างานที่มากราว 5 พันล้านบาท คาดว่าต้องแบ่งไปให้ผู้รับเหมาหลายราย 

หลังจากนี้คงต้องรอติดตามว่าผลประกอบการครึ่งปีหลังของ SEAFCO จะกลับมาฟื้นตัวอย่างที่ผู้บริหารและบรรดาโบรกเกอร์ คาดการณ์กันไว้หรือไม่ แต่เชื่อว่าติดยี่ห้อ “ดร.ณรงค์ ทัศนนิพันธ์” คงไม่ทำให้บรรดาแฟนคลับผิดหวังแน่นอน