Phones





วอนประชาชน"อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ"สู้โควิด-19

2020-03-21 10:51:53 499




นิวส์ คอนเน็คท์ - “ชาญกฤช” วิงวอน ปฏิบัติตามมาตรการรัฐบาล "อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ" ป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 ยกระดับคุมต่างชาติเข้าประเทศ ชื่นชมเอกชนยกโรงแรมเป็น รพ.สนาม รองรับผู้ป่วย


เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2563 นายชาญกฤช เดชวิทักษ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี (ปฏิบัติงานกระทรวงการคลัง) เปิดเผยว่า อยากวิงวอนให้พี่น้องประชาชนปฏิบัติตามมาตรการของรัฐบาล เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างเคร่งครัด หากไม่จำเป็น ควรงดเคลื่อนย้ายกลับภูมิลำเนา โดยเฉพาะจากกรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมถึงงดการเข้าร่วมกิจกรรมในสถานที่ที่มีผู้คนจำนวนมาก ซึ่งเป็นต้นเหตุของการแพร่ระบาด และขอแสดงความชื่นชมหลายหน่วยงานภาครัฐและภาคธุรกิจ ซึ่งอนุญาตให้ทำงานที่บ้านและประชุมผ่านวิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ รวมถึงเจ้าของโรงแรมในจังหวัดนครราชสีมา ที่เสนอให้ใช้พื้นที่ของโรงแรม เปลี่ยนเป็นโรงพยาบาลสนามรองรับผู้ป่วยขนาด 500 เตียง และอีกแห่งจำนวน 183 ห้อง จนกว่าภารกิจจะแล้วเสร็จ


สำหรับการยกระดับคุมเข้มผู้เดินทางเข้าประเทศ ซึ่งจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในวันที่ 22 มี.ค.2563 กรณีเป็นชาวต่างชาติจะต้องมีใบรับรองแพทย์ (Health Certificate) ที่ระบุว่าไม่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และจะต้องซื้อประกันภัยที่คุ้มครองการรักษาพยาบาลในประเทศไทยอย่างน้อย 100,000 เหรียญสหรัฐ (หรือประมาณ 3 ล้านบาทต่อคน) และครอบคลุมโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รวมถึงจะต้องมีการกรอกข้อมูลว่ามาประเทศไทยพักอยู่ที่ไหน ในส่วนที่เป็นคนไทยที่จะเข้ามาประเทศไทย จะต้องมีใบรับรองแพทย์ที่ยืนยันว่ามีสุขภาพเหมาะสมต่อการเดินทางทางอากาศ (Fit to Fly Health Certificate) และหนังสือรับรองจากสถานฑูตหรือสถานกงสุล รับรองว่าเป็นคนไทย และเข้ามาประเทศไทย พักอาศัยเป็นระยะเวลาเท่าไร


"ขอให้พี่น้องประชาชนอยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ สกัดกั้นการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 หากรู้ว่ามีความสุ่มเสี่ยงที่จะติดเชื้อ ขอให้กักกันตนเองเป็นเวลา 14 วัน รวมถึงส่งมอบกำลังใจให้ท่าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี รวมถึงบุคลากรทางการแพทย์ในการรักษาผู้ป่วยตามสถานพยาบาลและโรงพยาบาลต่างๆ อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย" นายชาญกฤช กล่าวปิดท้าย


>>>สามารถอ่านข่าวเพิ่มเติมได้ทาง http://www.newsconnext.com
หรือติดตามผ่านช่อง Line@ ได้ที่ News Connext
ช่องทาง Fanpage Facebook ได้ที่ https://www.facebook.com/connextnews