Phones





เจาะลึกธุรกิจ OR ก่อนเข้าตลาด

2020-06-30 18:09:42 3338



เจาะลึกธุรกิจ OR ก่อนเข้าตลาด (สกู๊ปพิเศษ)


บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ เรียกสั้น ๆ ว่า OR บรรดานักลงทุนคงทราบกันดีว่าเป็นบริษัทในเครือของบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) หรือ PTT ที่ได้ปรับโครงสร้าง และแยกธุรกิจน้ำมันและธุรกิจค้าปลีกออกมาเป็น โออาร์ และแต่งตัวเตรียมเข้าตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เป็นอีกหนึ่งช่องทางที่ช่วยเสริมสร้างศักยภาพให้เกิดความคล่องตัวในการดำเนินธุรกิจ เราไปดูกันว่าธุรกิจของ OR นั้นมีอะไรบ้าง


ธุรกิจน้ำมัน
ธุรกิจน้ำมันเป็นธุรกิจหลัก โดย OR เป็นผู้นำในธุรกิจน้ำมัน ครองส่วนแบ่งตลาดรวมน้ำมันอันดับ 1 ต่อเนื่อง มากว่า 2 ทศวรรษ โดยเฉพาะการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมแบบค้าปลีก OR จำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิง อาทิ น้ำมันเบนซิน น้ำมันดีเซล ทั้งยังจำหน่ายก๊าซปิโตรเลียมเหลว ผลิตภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่น น้ำมันก๊าด และผลิตภัณฑ์อื่น ๆให้แก่ผู้บริโภคโดยตรง รวมถึงจำหน่ายผ่านผู้แทนจำหน่าย


OR เป็นผู้นำในการคิดค้นนวัตกรรมน้ำมันเชื้อเพลิงของประเทศ อาทิ น้ำมันเบนซินไร้สารตะกั่ว น้ำมันแก๊สโซฮอล์ (E10 E20 และ E85) น้ำมันไบโอดีเซล (B7 B10 และ B20) ที่ล้วนแล้วแต่มีคุณภาพสูง สามารถตอบสนองต่อความต้องการของผู้ใช้รถที่มีความแตกต่างกันได้อย่างลงตัว ปัจจุบัน OR มีสถานีบริการน้ำมันภายใต้แบรนด์ PTT Station กว่า 1,900 สาขา ครอบคลุมทั่วประเทศไทย



OR จำหน่ายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมเชิงพาณิชย์ที่หลากหลายให้แก่ลูกค้ากว่า 2,000 ราย ทั้งกลุ่มอากาศยาน กลุ่มเรือขนส่ง กลุ่มอุตสาหกรรม หน่วยงานภาครัฐ ฯลฯ จำหน่ายผลิตภัณฑ์ก๊าซปิโตรเลียมเหลวให้แก่ลูกค้าภาคครัวเรือน ภาคอุตสาหกรรม และภาคขนส่ง


นอกจากนี้ OR ดำเนินธุรกิจผลิตภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่นภายใต้แบรนด์ PTT Lubricants อย่างครบวงจร และขยายไปยังตลาดต่างประเทศแล้วกว่า 40 ประเทศทั่วโลก ด้วยการวิจัยและการพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง ทั้งผลิตภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่นสำหรับรถยนต์กลุ่มเครื่องยนต์เบนซิน ดีเซล และก๊าซ NGV และ LPG กลุ่รถจักรยานยนต์ กลุ่มภาคการขนส่ง เครื่องจักรกลภาคอุตสาหกรรม เครื่องจักรกลการเกษตร ฯลฯ โดยสามารถครองส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 1 ต่อเนื่องยาวนานกว่า 11 ปี


นอกจากนี้ ยังมีศูนย์บริการยานยนต์ FIT Auto ที่ให้บริการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันหล่อลื่นอุปกรณ์ต่าง ๆ พร้อมบริการซ่อมบำรุงรักษารถยนต์เบื้องต้น เพื่อช่วยเพิ่มความปลอดภัยและความมั่นใจในทุกการเดินทาง



กลุ่มธุรกิจค้าปลีก
ธุรกิจร้านกาแฟ Café Amazon เป็นร้านกาแฟที่มีจำนวนสาขามากที่สุดในประเทศไทย กว่า 3,000 สาขา ทั้งยังมีร้านค้าสะดวกซื้อภายใต้แบรนด์ Jiffy ธุรกิจเครื่องดื่มแบรนด์ Pearly Tea นอกจากนี้ OR ยังเป็น Master Franchise ของธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มภายใต้แบรนด์ Texas Chicken ฮั่วเซ่งฮง ติ่มซำ รวมทั้งยังมีพันธมิตรทางธุรกิจทั้งแบรนด์ระดับโลกและแบรนด์ไทยชั้นนำอีกมากมายที่ได้เข้ามาร่วมให้บริการอาหารและเครื่องดื่มภายในสถานีบริการน้ำมัน PTT Station




กลุ่มธุรกิจต่างประเทศ
OR ต่อยอดความสำเร็จของรูปแบบทางธุรกิจ (Business Model) จากความสำเร็จในประเทศสู่เวทีนานาชาติ สร้างชื่อเสียงให้แบรนด์ไทยเป็นที่รู้จักในระดับสากล ด้วยการผสมผสานธุรกิจน้ำมัน ธุรกิจค้าปลีกสินค้าและบริการอื่น ๆ ที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีในประเทศ ให้เป็นรูปแบบทางธุรกิจที่เกิดการสนับสนุนซึ่งกันและกันอย่างลงตัว เพื่อใช้เป็นต้นแบบในการต่อยอดขยายธุรกิจไปยังตลาดต่างประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นประเทศที่มีอาณาเขตเชื่อมต่อกับประเทศไทย เพื่อให้เอื้อต่อระบบโลจิสติกส์ อีกทั้งผู้บริโภคในประเทศเหล่านี้ยังมีความต้องการและความคาดหวังที่คล้ายคลึงกับผู้บริโภคชาวไทย โดยรูปแบบการดำเนินธุรกิจของ OR ในต่างประเทศ มีทั้งการดำเนินธุรกิจในรูปแบบที่ OR ดำเนินการเองและการดำเนินธุรกิจผ่านบริษัทในเครือ


ภาพรวมของการดำเนินธุรกิจในต่างประเทศ OR มีสถานีบริการน้ำมัน PTT Station จำนวนกว่า 300 แห่ง ร้านกาแฟ Café Amazon กว่า 230 สาขา ร้านค้าสะดวกซื้อ Jiffy กว่า 80 สาขา และศูนย์บริการยานยนต์ FIT Auto นอกจากนี้ OR มีแผนการขยายธุรกิจไปสู่ระดับภูมิภาคและระดับโลก โดยมีธุรกิจร้านกาแฟ Café Amazon เป็นผู้นำ ปัจจุบัน OR ดำเนินธุรกิจร้านกาแฟ Café Amazon ใน 10 ประเทศทั่วโลก ได้แก่ ไทย ลาว กัมพูชา ฟิลิปปินส์ เมียนมา ญี่ปุ่น โอมาน สิงคโปร์ มาเลเซีย และจีน


 


ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีการเติมน้ำมันเรือขนส่งกว่า 10 ประเทศทั่วโลก ขณะกลุ่มอากาศยานนั้นให้บริการเติมน้ำมันอากาศยาน กว่า 100 สายการบินให้บริการแก่ท่าอากาศยาน กว่า 100 แห่งทั่วโลก

กลุ่มธุรกิจสนับสนุน
ส่วนกลุ่มธุรกิจสนับสนุนก็จะเป็นคลังปิโตรเลียม คลังน้ำมัน คลังก๊าซปิโตรเลียมเหลว สถานีเติมน้ำมันอากาศยาน และหน่วยเติมน้ำมันอากาศยาน OR มีคลังเชื้อเพลิงตั้งอยู่ในทำเลยุทธศาสตร์ที่เอื้อต่อการกระจายผลิตภัณฑ์ไปยังลูกค้าได้ครอบคลุมทั่วประเทศ มีกระบวนการควบคุมคุณภาพผลิตภัณฑ์ที่รัดกุมตลอดทั้ง Supply Chain ทั้งการขนส่ง รับ ผลิต เก็บ และจ่าย ทั้งทางท่อ เรือ รถยนต์ และรถไฟ มีการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการที่เกี่ยวข้อง เพื่อเพิ่มความปลอดภัย ความรวดเร็ว ความถูกต้อง และป้องกันการสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นต่อการดำเนินธุรกิจ อาทิ การสั่งซื้อผลิตภัณฑ์ล่วงหน้าผ่านระบบ e-Order การจ่ายน้ำมันด้วยระบบ Terminal Automation System (TAS) การติดตามพาหนะขนส่งด้วยระบบ In-Vehicle Monitoring System (IVMS) ระบุพิกัดด้วย GPS อีกทั้งยังเคร่งครัดในนโยบายคุณภาพ ความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสิ่งแวดล้อม (Quality Safety Health and Environment : QSHE)


นอกจากนี้ยังมี บัตร Blue Card ที่มีสมาชิกกว่า 5.7 ล้านราย ที่เป็นบัตรสะสมคะแนน เมื่อซื้อผลิตภัณฑ์หรือใช้บริการธุรกิจของ OR โดยสามารถนำคะแนนสะสมมาแลกเพื่อใช้แทนเงินสด ทั้งยังสามารถรับส่วนลดและสิทธิพิเศษต่าง ๆ อีกหนึ่งที่ช่วยสนับสนุนธุรกิจ คือ สถาบันพัฒนาศักยภาพธุรกิจน้ำมันและการค้าปลีก หรือ OBA เป็นศูนย์กลางองค์ความรู้ทางธุรกิจในการพัฒนาทั้งบุคลากรและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่เกี่ยวข้องให้เป็นมืออาชีพ


ศูนย์ธุรกิจ Café Amazon หรือ AICA เป็นศูนย์กลางองค์ความรู้ในการพัฒนาศักยภาพบุคลากรที่เกี่ยวข้องให้ดำเนินธุรกิจร้านกาแฟได้อย่างเชี่ยวชาญ ถ่ายทอดแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์กาแฟ อีกทั้งเป็นแหล่งรวบรวมความภูมิใจของ Café Amazon ให้แก่ผู้ที่หลงใหลในกลิ่นและรสชาติของกาแฟผ่านศูนย์นิทรรศการการเรียนรู้ (Interactive Exhibition) ศูนย์ฝึกอบรม (Training Center) และโรงคั่วกาแฟ (Roasting Plant)


ขณะเดียวกัน OR ยังได้มุ่งดำเนินธุรกิจโดยนำความต้องการของลูกค้ามาเป็นศูนย์กลาง (Customer Focus) ใช้แนวทาง GRC (Governance, Risk Management, Compliance) เพื่อความโปร่งใสในการดำเนินธุรกิจ อีกทั้งยังผสานแนวคิด BCG (Bio-Circular-Green Economy) และเปิดโอกาสให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่มได้มีส่วนร่วมในการออกแบบรูปแบบทางธุรกิจ (Stakeholder Inclusiveness) เพื่อ มุ่งพัฒนาคุณภาพชีวิตและเศรษฐกิจชุมชนในทุกพื้นที่ที่ OR เข้าไปดำเนินธุรกิจ พร้อมทั้งสร้างมูลค่าร่วมแก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่มอย่างสมดุลและยั่งยืน


>>>สามารถอ่านข่าวเพิ่มเติมได้ทาง http://www.newsconnext.com
หรือติดตามผ่านช่อง Line@ ได้ที่ News Connext
ช่องทาง Fanpage Facebook ได้ที่ https://www.facebook.com/connextnews