Phones





NER คอนเฟิร์ม! ปี 67 รายได้เข้าเป้า 2.85 หมื่นล.

2024-09-16 07:58:37 184



นิวส์ คอนเน็คท์ - NER คอนเฟิร์ม! รายได้ปี 67 ทำได้แน่ๆ 28,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5-7% จากปีก่อน ขณะที่ปริมาณขายไม่น้อยกว่า 4.4 แสนตัน คาดยอดขายยาง EUDR ในช่วงครึ่งปีหลัง มีปริมาณขาย 4.5-5 หมื่นตัน พร้อมวางเป้าขึ้นไปแตะระดับ 1 แสนตันในปี 68 ส่วนธุรกิจแผ่นปูรองปศุสัตว์ วางเป้า 5 ปี ทะยานขึ้นเป็น King of flooring พร้อมผลงานโตเท่าตัวในปี 68

เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2567 นายชูวิทย์ จึงธนสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NER เปิดเผยว่า แนวโน้มผลดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลัง ยังเป็นไปตามเป้าหมาย โดยขณะนี้ได้ปิดยอดขายของไตรมาส 3/67 แล้ว และเริ่มรันออเดอร์ของไตรมาส 4/67 แล้ว 

"แนวโน้มในครึ่งปีหลัง กลับมาดีกว่าในช่วงต้นปี ขณะที่ปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่ภาคเหนือ ไม่ได้รับผลกระทบ พื้นที่อิสาน ยางค่อนข้างสมบูรณ์ดี ถ้าฝนแล้ง อากาศหนาวเริ่มมา ยางน่าจะกรีดได้มากขึ้น ดังนั้น ปีนี้ไม่น่าห่วงอะไร ยังเป็นไปตามเป้าหมายที่ประกาศไว้ตอนต้นปี มั่นใจว่ารายได้จะทำได้ 28,500 ล้านบาท และปริมาณการขายไม่ต่ำกว่า 4.4 แสนตัน" นายชูวิทย์ กล่าว

สำหรับปริมาณการขายในปี 2567 จะอยู่ที่ 4.4 แสนตัน ลดลงราว 10% จากปี 2566 แต่ในด้านของมูลค่าคาดว่าจะอยู่ที่ 28,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้นราว 5-7% จากปี 2566 ซึ่งแม้ว่าปริมาณจะลดลงเล็กน้อย แต่มูลค่าเพิ่มขึ้นจากการส่งออกยางภายใต้มาตรฐาน RUDE ที่ทำราคาได้ขึ้นกว่าถึงกิโลกรัมละ 7-8 บาท ขณะที่กำลังผลิตรวมอยู่ที่ 5.1 แสนตัน

นางสาวเกศนรี จองโชติศิริกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานการตลาดและควบคุมคุณภาพ NER กล่าวว่า ในส่วนของยาง EUDR คาดว่าภายในสิ้นปี 67 นี้ จะมีลูกค้ารายใหม่เพิ่ม ที่จะมีการ Approve สินค้า โดยคาดว่าในช่วงครึ่งปีหลัง ปริมาณการขายจะเพิ่มขึ้นกว่าครึ่งปีแรก

"ขณะนี้ ออเดอร์จากจีนยังมีสม่ำเสมอ ลูกค้าที่เป็นผู้ใช้ยาง ก็มีมากขึ้น กลุ่มที่เป็นเทรดเดอร์ก็ไม่หายไปไหน ซึ่งคาดว่าเฉพาะช่วงครึ่งปีหลัง ยอดขายจะอยู่ที่ 4.5-5 หมื่นตัน ทำให้มั่นใจได้ว่าปี 67 นี้จะเป็นไปตามเป้าหมาย และวางเป้าเพิ่มเป็น 1 แสนตันในปี 68" นางสาวเกศนรี กล่าว

ในส่วนของธุรกิจแผ่นปูรองนอนปศุสัตว์นั้น ปัจจุบันเริ่มมีลูกค้าออเดอร์เข้ามาเพิ่มขึ้นจากช่วง 1-2 ปีแรกที่เปิดตลาด ขณะที่มูลค่าส่งออกเริ่มดีขึ้นตามลำดับ จากปี 66 อยู่ที่ราว 2 ล้านบาท และคาดว่าปี 67 จะเพิ่มเป็นหลักสิบล้านบาท และน่าจะถึงระดับหลัก 100 ล้านบาทในปี 68 ทั้งนี้ ได้วางเป้าหมาย ภายใน 5 ปี จะผลักดันธุรกิจนี้ขึ้นเป็น King of flooring หรือผู้นำตลาดให้ได้