Phones
หน้าแรก
Stock
เศรษฐกิจมหภาค
แบงก์ - Finance
อสังหาริมทรัพย์ - Marketing
ประกัน - ท่องเที่ยว
Variety
สกู้ป พิเศษ
SET
ANI โชว์ Q3/68 แข็งแกร่ง กำไรสุทธิ 146.1 ล้านบาท โต 7.5%
MAI
WASH เทรด MAI วันแรก ราคาต่ำจอง 18.67%
IPO
ปิดจอง MMM พบ “KGI – คนแวดวงตลาดทุน” โกยหุ้นเข้าพอร์ต
บล./บลจ
บล.ทรีนีตี้ วางกรอบดัชนี พ.ย. 1260-1350 จุด
เศรษฐกิจ-การเงิน-การคลัง
วิจัยกรุงศรี จับสัญญาณกนง.หั่นดอกเบี้ย หนุนศก.ฟื้น
การค้า - พาณิชย์
คต. หนุนผู้ส่งออกใช้ ‘Self-Certification’ หวังรับสิทธิพิเศษทางการค้า
พลังงาน - อุตสาหกรรม
กลุ่มศรีตรังคว้ามาตรฐาน FSC™ ครอบคลุมพื้นที่สวนยาง 100%
คมนาคม - โลจิสติกส์
PROSPECT REIT เข้าลงทุนเพิ่มเติมใน ‘BFTZ 6’ มูลค่า 970 ลบ.
แบงก์ - นอนแบงก์
ไทยเครดิตส่ง “ฝากประจำทันใจ 12 เดือน” ดอกเบี้ยสูง 1.80%
ไฟแนนซ์ - ลิสซิ่ง
PUEAN ชำระคืนหุ้นกู้ตามนัด ลุยดันพอร์ตสินเชื่อแตะพันล้าน
SMEs - Startup
SCB 10X ร่วมลงทุนรอบ Series B ใน ‘BlinkOps’
ประกันภัย - ประกันชีวิต
อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต เปิดตัว “แพ็ครับมือโรคร้าย”
รถยนต์
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ชี้อุตฯรถยนต์ – ชิ้นส่วน ปัจจัยเสี่ยงรุมเร้า
ท่องเที่ยว
GCAP เปิดตัวโดรนโดยสารไร้คนขับครั้งแรกในไทย เจาะตลาดการท่องเที่ยว
อสังหาริมทรัพย์
ศุภาลัย เปิด 2 โครงการบ้านซีรีส์ใหม่ ทำเลรังสิต-คลอง 3
การตลาด
King Power จับมือ Avolta ปลดล็อกสิทธิประโยชน์สมาชิกแบบไร้พรมแดน
CSR
SCB 10X ร่วมลงทุนรอบ Series B ใน ‘BlinkOps’
Information
CIMBT จัดงาน “IFA OPEN HOUSE” เปิดโอกาสที่ปรึกษาการเงินอิสระ
Gossip
TEGH คว้า CGR ระดับ 5 ดาว 3 ปีซ้อน
Entertainment
ไทยประกันชีวิต-แอทเลติโก้ คัดเยาวชนต่อยอดบอลที่สหรัฐฯ
สกุ๊ป พิเศษ
ATLAS หุ้นเด่น! LPG นวัตกรรมสุดล้ำ
SCB EIC แนะอัปเกรดการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ไทย สู่ศูนย์กลางการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์โลก
2023-03-02 19:01:06
394
sharer
นิวส์ คอนเน็คท์ - SCB EIC ประเมินว่า ตลาดท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ไทยในปี 2566 มีแนวโน้มฟื้นตัวกลับมาสู่ระดับที่สูงกว่าปี 2562 แล้ว และจะมีมูลค่าราว 2.9 หมื่นล้านบาท โดยเป็นการเติบโตต่อเนื่องจากปี 2565 จากแรงสนับสนุนของอุปสงค์คงค้างในการรักษาพยาบาลหลังจากที่ติดปัญหาด้านการเดินทางในช่วงการแพร่ระบาดโควิด-19 ปี 2563-2564 โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากกลุ่ม CLMV กลุ่มตะวันออกกลางและจีน ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายที่สำคัญ
ขณะที่ตลาดท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ไทยยังมีปัจจัยสนับสนุนจากเมกะเทรนด์ด้านสุขภาพในหลายด้านที่จะช่วยผลักดันให้เกิดการเติบโตต่อเนื่องในอนาคต ได้แก่ 1.การก้าวเข้าสู่เศรษฐกิจสูงวัย (Silver economy) ซึ่งผลักดันให้ความต้องการด้านการรักษาพยาบาล รวมถึงความต้องการด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อการชะลอวัยเพิ่มสูงขึ้น, 2.การเติบโตของชนชั้นกลางและกำลังซื้อที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก ซึ่งหนุนให้ความต้องการในการรับบริการทางการแพทย์ที่มีคุณภาพมาตรฐานและได้รับความสะดวกสบายเพิ่มสูงขึ้น, 3.แนวโน้มการเป็นโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง NCDs เพิ่มขึ้นทั่วโลก เช่น โรคเบาหวาน โรคมะเร็ง โรคหัวใจ ซึ่งเกิดจากพฤติกรรมในการดำเนินชีวิตทั้งการกินอาหาร การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การไม่ออกกำลังกาย หรือความเครียด และทำให้มีค่าใช้จ่ายด้านการแพทย์และการดูแลสุขภาพมากขึ้น และ 4.พฤติกรรมผู้บริโภคที่มีแนวโน้มใส่ใจสุขภาพมากขึ้นหลังวิกฤตโควิด-19 ซึ่งสนับสนุนให้การใช้บริการทางการแพทย์และสุขภาพ (Wellness) มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น เช่น ตรวจร่างกาย กายภาพบำบัด และเวชศาสตร์ป้องกัน
สำหรับปัจจัยที่ดึงดูดและกลายเป็นจุดแข็งให้นักท่องเที่ยวเชิงการแพทย์เดินทางเข้ามารักษาพยาบาลในไทยอย่างต่อเนื่องมาจาก ราคาค่ารักษาพยาบาลที่สมเหตุสมผล คุณภาพของบุคลากรและสถานพยาบาล และการเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม โดย 1.ราคาค่ารักษาพยาบาลไทยอยู่ในระดับที่แข่งขันได้ เมื่อเทียบกับคู่แข่งในภูมิภาคโดยเฉพาะในด้านการศัลยกรรมความงามและการผ่าตัดมดลูก, 2.บุคลากรทางการแพทย์ของไทยมีความเชี่ยวชาญในหลากหลายสาขา มีบริการเป็นเอกลักษณ์ และมีสถานพยาบาลระดับสากลได้รับมาตรฐาน JCI มากที่สุดในภูมิภาคอาเซียน (59 แห่ง) และ 3.การเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม ซึ่งช่วยดึงดูดให้นักท่องเที่ยวอยากเข้ามาพักผ่อนต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ภาครัฐและภาคเอกชนต่างเล็งเห็นโอกาสและวางแผนพัฒนาเพื่อเจาะตลาด Medical tourism โดยภาครัฐมีนโยบายสนับสนุนและผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ (Medical hub) ภายในปี 2569 จากการส่งเสริมการลงทุนผ่าน BOI โดยในปี 2565 ภาครัฐได้ประกาศจัดตั้งระเบียงเศรษฐกิจสุขภาพอันดามัน (AWC) ครอบคลุม 6 จังหวัดทางภาคใต้เพื่อพัฒนาความเชี่ยวชาญในการรักษาโรคเฉพาะด้าน โดยได้เริ่มอนุมัติโครงการศูนย์สุขภาพนานาชาติอันดามันที่ภูเก็ต รวมถึงการลดค่าธรรมเนียมวีซ่าเพื่อรักษาพยาบาลระยะเวลา 1 ปี ซึ่งผู้ป่วยต่างชาติสามารถเดินทางเข้าไทยได้หลายครั้ง และครั้งละไม่เกิน 90 วัน ส่วนผู้ประกอบการโรงพยาบาลเอกชนต่างเร่งขยายขีดความสามารถในการให้บริการเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ทั่วโลก
แม้ในปัจจุบันโรงพยาบาลเอกชนไทยต่างมีศักยภาพและความพร้อมในการรองรับนักท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ที่ค่อนข้างดีมากแล้ว แต่หลาย ๆ โรงพยาบาลต่างก็เร่งพัฒนายกระดับการให้บริการในหลากหลายรูปแบบเพื่อคว้าโอกาสนี้ เช่น การพัฒนาโรงพยาบาลสู่การเป็นศูนย์แพทย์เฉพาะทาง, การขยายความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ, การสร้างศูนย์การแพทย์และสุขภาพครบวงจร และการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้
อย่างไรก็ดี ไทยยังคงมีความท้าท้ายที่สำคัญในการพัฒนาสู่การเป็นผู้นำด้านการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ เช่น 1.การแข่งขันจากประเทศคู่แข่งในหลายประเทศทั่วโลก เช่น ตุรกี กาตาร์ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ มาเลเซีย สิงคโปร์ ซึ่งต่างเร่งพัฒนาศูนย์การแพทย์ชั้นนำเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวเชิงการแพทย์, 2.การขาดแคลนบุคลากรทางการแพทย์และบริการสนับสนุน เพื่อรองรับการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์เนื่องจากบุคลากรในระบบสาธารณสุขยังอยู่ในสัดส่วนที่ต่ำเมื่อเทียบกับประเทศคู่แข่งชั้นนำ รวมถึงความเสี่ยงในการเกิดภาวะสมองไหล (Brain drain) จากปัจจัยข้อจำกัดในหลายด้านทั้งสภาพแวดล้อมการทำงาน ค่าตอบแทน ทุนการศึกษาที่จำกัด ที่ส่งผลให้บุคลาการทางการแพทย์มีแนวโน้มย้ายออกจากระบบสาธารณสุขของรัฐและกระทบต่อความมั่นคงด้านสาธารณสุขในภาพรวมทั้งประเทศ
3.กระแส Technology disruption จาก HealthTech ที่มีผลให้ภาคธุรกิจต้องปรับตัว เพื่อเพิ่มความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีในการรักษาควบคู่ไปกับการนำมาช่วยยกระดับการให้บริการ เช่น การใช้ AI ในการช่วยวินิจฉัยโรค, การใช้หุ่นยนต์ช่วยผ่าตัด, ระบบข้อมูลสุขภาพผู้ป่วยแบบดิจิทัล, แพลตฟอร์มนัดรักษาออนไลน์ และการใช้ Tele-medicine
โดยกลยุทธ์สำคัญ 4 ข้อ ที่จะช่วยให้ผู้ประกอบการไทยสามารถก้าวเป็นผู้นำตลาด Medical tourism ได้แก่ 1.การสร้างและผลักดัน Branding การท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ของไทยให้เป็นที่ยอมรับในตลาดโลก ด้วยการพัฒนาความเชี่ยวชาญการรักษาเฉพาะด้าน โดยอาจร่วมมือกับภาครัฐในการผลักดันพร้อมใช้ Soft power ของไทยเข้ามาช่วยส่งเสริมให้ชาวต่างชาติอยากเข้ามาใช้บริการในไทย, 2.การสร้างพันธมิตรทางธุรกิจ (Partnership) กับภาคธุรกิจต่าง ๆ ทั้งโรงพยาบาล สายการบิน โรงแรม รีสอร์ต สปา ศูนย์ฟื้นฟูสุขภาพ บริษัททัวร์ บริษัทประกัน โดยเฉพาะการเสนอแพ็กเกจอย่างครบวงจรทั้งการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ และการท่องเที่ยวในประเทศ ซึ่งช่วยอำนวยความสะดวกและสามารถจัดโปรโมชันเพื่อเข้าถึงนักท่องเที่ยวได้มากขึ้น
3.การยกระดับคุณภาพการให้บริการและความก้าวหน้าทางการรักษา เพื่อส่งเสริมให้ไทยเป็นศูนย์การแพทย์ชั้นนำและแข่งขันกับคู่แข่งระดับโลกได้ โดยอาศัยการสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างภาคเอกชน ภาคการศึกษา และภาครัฐ รวมถึงความร่วมมือระหว่างภาครัฐ-ภาครัฐด้วย และ 4.การนำ HealthTech มาปรับใช้ในธุรกิจ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและเพิ่มขีดความสามารถในการให้บริการ พร้อมทั้งยังสามารถอำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้บริการ
ANI โชว์ Q3/68 แข็งแกร่ง กำไรสุทธิ 146.1 ล้านบาท โต 7.5%
ONSENS ผุด “PAK Massage” ร้านสะดวกนวด
NER โชว์งวด 9 เดือนปี 68 กำไรสุทธิ 1,489.42 ล้านบ. เพิ่มขึ้น 15.18%
ATLAS อัด1.2พันล. ขยายธุรกิจเต็มสูบ - BAM โชว์ผลสำเร็จ ‘ทรัพย์มหาชน’ ช่วยคน 'มีบ้าน'
ATLAS เดินเครื่องขยายธุรกิจ หลังได้เงินไอพีโอ 1.2 พันล.
COCOCO เยือน PEZA หารือสิทธิประโยชน์ลงทุนฟิลิปปินส์