Phones





PORT รุกโลจิสต์ติกส์ครบวงจร

2019-07-23 18:57:34 238






นิวส์ คอนเน็คท์ - PORTหนึ่งในผู้นำการให้บริการธุรกิจท่าเทียบเรือและโลจิสติกส์ แบบครบวงจร หุ้นโลจิสติกส์ ที่มีการเติบโตสูง เตรียมร่วมโชว์ศักยภาพในงาน MAI Forum 2019 วันที่ 13 กรกฎาคม นี้


นางเสาวคุณ ครุจิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สหไทย เทอร์มินอล จำกัด (มหาชน) หรือ PORT กล่าวว่า บริษัทฯ มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องและมั่นคง จากการขยายตัวอย่างรวดเร็วใน 2-3 ปีที่ผ่านมา และบริษัทฯ มีแผนจะขยายธุรกิจท่าเรือและโลจิสติกส์แบบครบวงจร เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งให้ธุรกิจของบริษัท


โดยการลงทุนสร้างท่าเรือพาณิชย์แห่งที่ 3 ผ่านการลงทุนใน บริษัท บางกอก ริเวอร์ เทอร์มินอล จำกัด (BRT) ซึ่งจะเพิ่มความสามารถในการให้บริการท่าเรือได้อีกประมาณ 180,000 TEUs/ปี รวมกับความสามารถในการให้บริการเดิมของบริษัทฯและบริษัทย่อย เป็น 920,000 TEUs/ปี หรือเพิ่มขึ้นราว 24% และขยายศูนย์กระจายสินค้าต่อยอดธุรกิจ ก้าวสู่การเป็นผู้นำการให้บริการ โลจิสติกส์แบบครบวงจร โดยลงทุนใน บริษัท บางกอก โลจิสติกส์ พาร์ค จำกัด (BLP) เพื่อพัฒนา และบริหารโครงการโลจิสติกส์พาร์ค หรือศูนย์กระจายสินค้าบนพื้นที่กว่า 50 ไร่ ในเขตพื้นที่ขอบเมืองกรุงเทพมหานคร เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้า


ปัจจุบัน บริษัทมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากสายเรือ Feeder เข้าที่ท่าสหไทย จำนวน 5 ลำ ซึ่งในเดือนเมษายนที่ผ่านมามีลูกค้าสายเรือรายใหม่เข้าเทียบท่าเรือสหไทย โดยมีชื่อว่า VASI จากประเทศสิงคโปร์ คาดว่าจะมีปริมาณการขนส่งคอนเทนเนอร์ของสายเรือ VASI ประมาณ 1,600 teus/เดือน ซึ่งได้รับความพึงพอใจเป็นอย่างดี จากการให้บริการกับสายเรือ VASI เน้นไปที่สินค้า ประเภท ปุ๋ย และ เคมีภัณฑ์ โดยมีเส้นทางจากประเทศไทยไปยังท่าเรือ จิตตะกอง บังคลาเทศ โดยครงซึ่งถือว่าเป็นเส้นทางที่มีความต้องการ ของตลาดอย่างมาก


นอกจากนี้บริษัทเปิดให้บริการศูนย์ซ่อมบำรุงและจัดเก็บตู้คอนเทนเนอร์ครบทั้ง เฟส 1 และเฟส 2 แล้ว ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ทำให้บริษัทสามารถเพิ่มกำลังการให้บริการซ่อมบำรุงและจัดเก็บตู้ได้เป็นปีละกว่า 350,000 ทีอียู บนเนื้อที่รวมทั้งหมด 37 ไร่ ยิ่งกว่านั้น จากการย้ายการบริการซ่อมบำรุงและจัดเก็บตู้ออกไปยังบริษัทย่อย ทำให้เพิ่มความสามารถในการรองรับปริมาณตู้สินค้าผ่านท่าเรือได้เพิ่มขึ้นอีกประมาณ 20% เป็น 500,000 ทีอียูต่อปี ซึ่งช่วยเสริมศักยภาพในการให้บริการลูกค้ากลุ่มสายเรือได้มากยิ่งขึ้น