Phones





MBKETวางกลยุทธ์รับมือ QE Tapering

2021-03-18 15:52:00 552




นิวส์ คอนเน็คท์ – เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ประเมินตลาดหุ้นไทยได้รับผลกระทบไม่มากหากเฟดดำเนินมาตรการ QE Tapering ในปี 65 แนะวางกลยุทธ์ลดพอร์ตการลงทุน ล็อคกำไร หากเฟดมีการส่งสัญญาณชัดเจน


เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2564 นายธีรเศรษฐ์ พรหมพงษ์ นักกลยุทธ์เศรษฐศาสตร์มหภาค บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ MBKET เปิดเผยภายในงานสัมมนา Captains Speak: Capital Flows & Taper Tantrums เศรษฐกิจสหรัฐฯฟื้นเร็วกว่าคาด Bond Yield พุ่ง ถึงเวลาที่เฟดจะไถ่ถอน QE แล้วหรือยัง? และผลกระทบมากขนาดไหน? ซึ่งจัดโดย เมย์แบงก์ กิมเอ็ง กรุ๊ป


ในช่วงที่ผ่านมาเศรษฐกิจสหรัฐฯมีสัญญาณการฟื้นตัวที่เร็วกว่าคาดทั้งภาคการผลิต การบริโภค หนุนให้ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (Bond Yield) อายุ 10 เร่งตัวจากระดับต่ำกว่า 1% ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ทำจุดสูงสุดเหนือระดับ 1.6% ซึ่งส่งผลกระทบให้เกิดแรงเทขายตลาดพันธบัตร Asean ทำให้ผลตอบแทนพันธบัตรพุ่งขึ้นเช่นกัน ซึ่งฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 0.86% อินโดนีเซีย เพิ่มขึ้น 0.64% ไทย เพิ่มขึ้น 0.60% และมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 0.47%


โดยสิ่งที่เกิดขึ้นเริ่มสร้างความกังวลต่อโอกาสการถอดถอนนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจ ทั้งการลดขนาด QE หรือ QE Tapering ของสหรัฐฯ ซึ่งข้อมูลจาก Bloomberg Consensus ล่าสุดให้น้ำหนักว่าจะเกิดขึ้นในช่วงไตรมาส 1/65 หลังจากนั้นจะตามมาด้วยการทยอยปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายหลังปี 66 เป็นต้นไป ซึ่งหากเปรียบเทียบกับกรอบระยะเวลาการถอดถอน QE 3 ในช่วงปี 56 จะพบว่า ครั้งนั้นประธานเฟดส่งสัญญาณล่วงหน้าก่อนการทยอยลดขนาดประมาณ 6 เดือน


ทั้งนี้ หากประเมินในแง่ผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อตลาดหุ้นไทย พบว่า ณ วันที่เฟดเริ่มส่งสัญญาณลดขนาดการทำ QE 3 เป็นวันที่ SET Index ทำจุดสูงสุดของรอบที่ระดับดัชนีแตะ 1,650 จุด และเริ่มเข้าสู่รอบขาลงหลังจากนั้น จนกระทั่งต้นปี 57 หลัง Fed เริ่มลดการซื้อพันธบัตรจริง ดัชนีจบรอบขาลงทำจุดต่ำสุดที่ระดับประมาณ 1,205 จุด และเริ่มฟื้นตัว สะท้อนภาพตลาดหุ้นไทยที่เล่นบน “ความคาดหวัง หรือ Expectation” ทั้งด้านบวกและด้านลบ ซึ่งสามารถนำมาเป็นจุดกำหนดกลยุทธ์หากเกิดการส่งสัญญาณปรับลดขนาด QE รอบนี้ได้เช่นเดียวกัน คือการทยอยลดพอร์ตการลงทุน ล็อคกำไร เมื่อเฟดส่งสัญญาณ และรอจังหวะซื้อกลับหลังจากนั้น


อย่างไรก็ตาม QE Tapering ครั้งนี้หากเกิดขึ้นจริงในช่วงปี 65 จะมีความแตกต่างอยู่หลายประการเมื่อเทียบกับ QE Tapering ที่เกิดขึ้นในปี 56 เช่น Fund Flow ไม่ได้ไหลเข้าสู่ตลาดหุ้นไทย รวมถึงภูมิภาค Asean มากเท่ากับการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบที่ผ่านมา ดุลบัญชีเดินสะพัดของไทย อยู่ในระดับที่แข็งแกร่งกว่าครั้งที่ผ่านมา และอัตราเงินเฟ้อ ยังไม่ได้เร่งตัวสูงมากเหมือนครั้งที่ผ่านมา


ดังนั้น จากเหตุผลดังกล่าว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Fund flow ที่ไหลออกจากตลาดหุ้นไทยช่วงที่สหรัฐฯกระตุ้นเศรษฐกิจ เป็นปัจจัยสำคัญจำกัดการไหลออกของ Fund flow หลังการถอดถอนมาตรการผ่อนคลายของสหรัฐฯได้ และทำให้ตลาดหุ้นไทยรอบนี้แม้จะเลี่ยงยากที่จะโดนผลกระทบเชิงลบ แต่จะไม่รุนแรงเหมือน QE Tapering ครั้งที่ผ่านมา


 


>>>สามารถอ่านข่าวเพิ่มเติมได้ทาง http://www.newsconnext.com
หรือติดตามผ่านช่อง Line@ ได้ที่ News Connext
ช่องทาง Fanpage Facebook ได้ที่ https://www.facebook.com/connextnews