โดยเบื้องหลังความสำเร็จของ KBTG คือ กลยุทธ์ Human-First x AI-First 5+1 ที่ส่งเสริมการสร้างระบบนิเวศ AI ที่ครบวงจร KBTG ไม่ได้หยุดเพียงแค่การสร้างโมเดล แต่เดินหน้าสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่รองรับการทดลองและการใช้งาน AI อย่างมีความรับผิดชอบ และหนึ่งในก้าวสำคัญคือ การพัฒนา AI and Data Playground พื้นที่ทดลองแบบ Sandbox ที่ปลอดภัยสำหรับการสร้างต้นแบบ AI อย่างรวดเร็ว พนักงานสามารถทดลองใช้ Agentic AI, ปรับแต่ง Generative AI และสร้าง Minimum Viable Product (MVP) ได้ด้วยตัวเอง โดยไม่กระทบกับระบบสำคัญต่างๆ ขององค์กร ส่งผลให้เกิดนวัตกรรมใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ภายในปีแรกมีพนักงานกว่า 2,600 คนเข้าร่วมสร้าง MVP ทั่วทั้งองค์กร โดย Playground ของ KBTG ช่วยลดระยะเวลาการพัฒนาโมเดลจาก 30 วันเหลือเพียง 1 วัน เพิ่มความคล่องตัวขององค์กรอย่างมหาศาล และพบว่าช่วยเพิ่ม Productivity ในบาง Use Case ได้มากกว่า 45% อีกทั้งมีโค้ดที่เขียนด้วย AI และถูกรีวิวโดยวิศวกร รวมเป็นจำนวนกว่า 10 ล้าน Line of Code คิดเป็น 10% ของโค้ดที่พัฒนาทั้งหมด และลดต้นทุนในระยะเริ่มต้นได้มากถึง 124 ล้านบาท
นอกจากนี้ KBTG ยังลงทุนในการพัฒนาทักษะบุคลากรผ่านโปรแกรม AI Literacy แบบแบ่งระดับ ตั้งแต่พื้นฐานไปจนถึงขั้นสูง พร้อมหลักการจริยธรรม AI เพื่อให้พนักงานพัฒนาความสามารถในการออกแบบ AI Agent สร้างต้นแบบ Machine Learning และใช้ Agentic AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพ น่าเชื่อถือ เปลี่ยนพนักงานจากผู้ใช้งานเป็นผู้สร้างนวัตกรรมอย่างมีความรับผิดชอบ
“การได้รับคัดเลือกให้เป็นท็อป 3 ของโลก จากการประกวด Data & AI Impact Award 2025 ครั้งนี้ ไม่ใช่แค่เครื่องหมายแห่งความสำเร็จ แต่คือบทพิสูจน์ว่าองค์กรไทยสามารถก้าวขึ้นสู่เวทีโลกได้อย่างสง่างาม ด้วยความสามารถด้านเทคโนโลยีและ AI ที่ไม่แพ้ใคร นอกจากนี้ยังสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ KBTG ในการนำ Data และ AI มาใช้เพื่อสร้างคุณค่าให้กับทุกภาคส่วน KBTG เชื่อว่า Data และ AI ไม่ใช่แค่เครื่องมือ แต่เป็นหัวใจของการเปลี่ยนผ่านองค์กรสู่อนาคต และจะยังคงเดินหน้าสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ที่ขับเคลื่อนด้วย Data และ AI เพื่อยกระดับขีดความสามารถในการส่งมอบเทคโนโลยีที่เพิ่มประการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า และสร้างอนาคตที่ดีกว่าให้กับทุกคน” นายเรืองโรจน์ กล่าว