Phones
หน้าแรก
Stock
เศรษฐกิจมหภาค
แบงก์ - Finance
อสังหาริมทรัพย์ - Marketing
ประกัน - ท่องเที่ยว
Variety
สกู้ป พิเศษ
SET
GULF ไตรมาส 3/68 รับรู้ Core Profit นิวไฮ 7,280 ล้านบ.
MAI
IDG เร่งเครื่องโต รับดีมานด์ AI Transformation – Data Center
IPO
MMM เสริฟ์ข่าวดีก่อนเทรด mai กำไร 9 เดือนโต 155%
บล./บลจ
InnovestX เปิดแคมเปญ “Trade-to-Earn” คืนค่าธรรมเนียมเป็น Bitcoin
เศรษฐกิจ-การเงิน-การคลัง
วิจัยกรุงศรี จับสัญญาณกนง.หั่นดอกเบี้ย หนุนศก.ฟื้น
การค้า - พาณิชย์
คต. หนุนผู้ส่งออกใช้ ‘Self-Certification’ หวังรับสิทธิพิเศษทางการค้า
พลังงาน - อุตสาหกรรม
กลุ่มศรีตรังคว้ามาตรฐาน FSC™ ครอบคลุมพื้นที่สวนยาง 100%
คมนาคม - โลจิสติกส์
PROSPECT REIT เข้าลงทุนเพิ่มเติมใน ‘BFTZ 6’ มูลค่า 970 ลบ.
แบงก์ - นอนแบงก์
ยูโอบี ผนึก สกพอ. จัดโรดโชว์ประเทศจีน หนุนลงทุน EEC
ไฟแนนซ์ - ลิสซิ่ง
PUEAN ชำระคืนหุ้นกู้ตามนัด ลุยดันพอร์ตสินเชื่อแตะพันล้าน
SMEs - Startup
SCB 10X ร่วมลงทุนรอบ Series B ใน ‘BlinkOps’
ประกันภัย - ประกันชีวิต
อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต เปิดตัว “แพ็ครับมือโรคร้าย”
รถยนต์
Autoclik ลอยยางเก่า ต้อนรับยางใหม่
ท่องเที่ยว
GCAP เปิดตัวโดรนโดยสารไร้คนขับครั้งแรกในไทย เจาะตลาดการท่องเที่ยว
อสังหาริมทรัพย์
SAM แต่งตั้ง “สุวรรณี เจษฎาศักดิ์” นั่งประธานบอร์ดคนใหม่
การตลาด
King Power จับมือ Avolta ปลดล็อกสิทธิประโยชน์สมาชิกแบบไร้พรมแดน
CSR
SCB 10X ร่วมลงทุนรอบ Series B ใน ‘BlinkOps’
Information
วิริยะประกันภัย สนับสนุนงานวิ่งการกุศล Run for Life สมทบทุนสร้างอาคารฉุกเฉินแห่งใหม่ โรงพยาบาลราชวิถี
Gossip
SMO ฮอตไฟลุก นักลงทุนกว่า 8,000 รายแห่จอง IPO
Entertainment
ไทยประกันชีวิต-แอทเลติโก้ คัดเยาวชนต่อยอดบอลที่สหรัฐฯ
สกุ๊ป พิเศษ
บ้านปูเดินหน้าสู่องค์กรนวัตกรรม
GULF ไตรมาส 3/68 รับรู้ Core Profit นิวไฮ 7,280 ล้านบ.
2025-11-06 20:25:15
46
sharer
นิวส์ คอนเน็คท์ - GULF รับรู้ Core Profit ไตรมาส 3/68 จำนวน 7,280 ล้านบาท สูงสุดเป็นประวัติการณ์ จากธุรกิจพลังงาน และส่วนแบ่งกำไรจาก AIS คาดไตรมาส 4 ผลดำเนินงานเติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะจากธุรกิจพลังงานหมุนเวียน
เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2568 บริษัท กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF โดยนางสาวยุพาพิน วังวิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน เปิดเผยว่า บริษัทฯ รายงานผลดำเนินงานไตรมาส 3/2568 มีรายได้รวม (total revenue) อยู่ที่ 30,177 ล้านบาท ลดลง 26% จาก 40,617 ล้านบาท ในไตรมาสก่อน โดยมีสาเหตุหลักมาจากปริมาณการขายไฟฟ้าให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ของกลุ่มโรงไฟฟ้า IPP ที่ลดลงตามฤดูกาล ประกอบกับ ราคาก๊าซธรรมชาติที่ปรับตัวลดลง
อย่างไรก็ตาม กำไรจากการดำเนินงาน (core profit) เพิ่มขึ้น 3% จาก 7,101 ล้านบาท ในไตรมาส 2/2568 เป็น 7,280 ล้านบาท ในไตรมาสนี้ และกำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) เพิ่มขึ้น 2% จาก 13,432 ล้านบาท ในไตรมาส 2/2568 เป็น 13,641 ล้านบาท ในไตรมาสนี้ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลมาจากต้นทุนค่าก๊าซธรรมชาติที่ลดลง
ผลดำเนินงานที่ดีขึ้นของกลุ่มบริษัทฯ มีสาเหตุหลักมาจากการเติบโตของธุรกิจพลังงาน ทั้งกลุ่มโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติและโรงไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน ขณะเดียวกัน บริษัทฯ รับรู้ส่วนแบ่งกำไร core profit จากกลุ่ม GJP เพิ่มขึ้นในไตรมาส 3/2568 ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลมาจากกลุ่มโรงไฟฟ้า SPP จำนวน 7 โครงการภายใต้กลุ่ม GJP ที่มีอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น จากราคาก๊าซธรรมชาติเฉลี่ยที่ลดลงในอัตราที่สูงกว่าการลดลงของราคาค่า Ft นอกจากนี้ ยังรับรู้ส่วนแบ่งกำไร core profit จากโครงการโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ Jackson Generation ในสหรัฐฯ และยังรับรู้ส่วนแบ่งกำไร core profit จากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมที่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ รับรู้กำไรที่ลดลงจากโครงการโรงไฟฟ้ากัลฟ์ ปลวกแดง (GPD) ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้า IPP ภายใต้กลุ่ม IPD และรับรู้ส่วนแบ่งกำไร core profit ที่ลดลงเล็กน้อยจากโครงการโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติหินกอง (HKP) เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน เนื่องจากทั้งสองโครงการดังกล่าวมีการหยุดซ่อมบำรุงตามแผนงาน A-Inspection ในระหว่างไตรมาส ประกอบกับปริมาณการขายไฟฟ้าให้ กฟผ. ลดลงตามความต้องการใช้ไฟฟ้ารวมของประเทศที่ชะลอตัวตามฤดูกาล โดย GPD มี load factor เฉลี่ยลดลงจาก 75% ในไตรมาส 2/2568 เป็น 45% ในไตรมาสนี้ ในขณะที่ HKP มี load factor เฉลี่ยลดลงจาก 87% ในไตรมาส 2/2568 เป็น 80% ในไตรมาสนี้
ในส่วนของธุรกิจก๊าซ บริษัทฯ รับรู้ส่วนแบ่งกำไร core profit จากโครงการ PTT NGD จำนวน 199 ล้านบาท ในไตรมาส 3/2568 ลดลง 4% จาก 208 ล้านบาท ในไตรมาส 2/2568 เนื่องจากราคาน้ำมันเตาลดลงในอัตราที่สูงกว่าราคาค่าก๊าซธรรมชาติ โดยราคาน้ำมันเตาลดลงจาก 70.5 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ในไตรมาส 2/2568 เป็น 66.4 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ในไตรมาสนี้ ซึ่งราคาขายส่วนใหญ่ของโครงการ PTT NGD จะอิงกับราคาน้ำมันเตา ในขณะที่ต้นทุนจะขึ้นอยู่กับราคาก๊าซธรรมชาติ สำหรับธุรกิจจัดหาและขนส่งก๊าซธรรมชาติภายใต้ GLNG และ HKH ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2568 บริษัทฯ ได้นำเข้า LNG มาแล้วจำนวนรวม 42 ลำ หรือประมาณ 2.85 ล้านตัน
ขณะเดียวกัน ในไตรมาส 3/2568 บริษัทฯ รับรู้ส่วนแบ่งกำไร core profit จากการลงทุนใน AIS จำนวน 3,829 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% จาก 3,483 ล้านบาท ในไตรมาส 2/2568 โดยมีสาเหตุหลักมาจากผลประกอบการที่ดีขึ้นของ AIS และในไตรมาส 3/2568 บริษัทฯ รับรู้รายได้จากเงินปันผลที่ลดลงจาก 1,044 ล้านบาท ในไตรมาส 2/2568 เป็น 276 ล้านบาท ในไตรมาส 3/2568 โดยหลักเป็นผลมาจากเงินปันผลรับจากการลงทุนใน KBANK ที่น้อยลงจาก 977 ล้านบาท ในไตรมาส 2/2568 เป็น 215 ล้านบาท ในไตรมาส 3 นี้
ทั้งนี้ บริษัทฯ มีกำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ในไตรมาส 3/2568 จำนวน 13,641 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2% เมื่อเทียบกับ 13,432 ล้านบาท ในไตรมาส 2/2568 ในขณะที่กำไรสุทธิ (net profit) ส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ (รวมผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน) ในไตรมาส 3/2568 เท่ากับ 7,274 ล้านบาท
ณ วันที่ 30 กันยายน 2568 บริษัทฯ มีสินทรัพย์รวม 752,800 ล้านบาท หนี้สินรวม 398,589 ล้านบาท และส่วนของผู้ถือหุ้น 354,211 ล้านบาท โดยมีอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (net interest-bearing debt to equity) อยู่ที่ 0.85 เท่า ลดลงจาก 0.87 เท่า ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2568 โดยเป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของส่วนของผู้ถือหุ้นจากผลประกอบการที่ดีขึ้นของกลุ่มบริษัทฯ
นางสาวยุพาพินกล่าวว่า ในไตรมาส 4/2568 บริษัทฯ คาดว่าผลการดำเนินงานจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะจากธุรกิจพลังงานหมุนเวียน ซึ่งโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน (solar farms) และโครงการพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดินร่วมกับระบบกักเก็บพลังงาน (solar farms with battery energy storage systems) ภายในประเทศ จำนวน 7 โครงการ กำลังการผลิตติดตั้งรวม 597 เมกะวัตต์ จะเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนถึงธันวาคม 2568 ในขณะที่โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองสายบางใหญ่-กาญจนบุรี (M81) มีกำหนดเปิดดำเนินการตามแผนในเดือนธันวาคมที่จะถึงนี้ นอกจากนี้ ในไตรมาส 4 เป็นช่วง high season ของโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม ส่งผลให้โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม 3 โครงการภายใต้กลุ่ม Gulf Gunkul Corporation ในประเทศไทย และโครงการ BKR2 ในประเทศเยอรมนี คาดว่าจะมีผลประกอบการที่ดีขึ้น
สำหรับแนวโน้มปี 2569 บริษัทฯ คาดว่าผลการดำเนินงานจะปรับตัวดีขึ้นอีก จากการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ของโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ภายในประเทศเพิ่มเติมอีก 6 โครงการ รวมกำลังการผลิตติดตั้ง 623 เมกะวัตต์ รวมถึงการเปิดดำเนินการของโครงการโรงไฟฟ้าขยะชุมชนเชียงใหม่ เวสท์ ทู เอ็นเนอร์จี (CM WTE) ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 10 เมกะวัตต์ ในเดือนพฤษภาคมปี 2569 ในขณะที่โครงการ solar rooftop ภายใต้ GULF1 คาดว่าจะดำเนินการจ่ายไฟฟ้าให้กับลูกค้าเพิ่มอีกประมาณ 50 เมกะวัตต์ ในปี 2569 นอกจากนี้ ผลการดำเนินงานของโครงการโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ Jackson Generation ในประเทศสหรัฐอเมริกามีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากค่า Capacity Payment ที่ปรับเพิ่มขึ้นเนื่องจากความต้องการใช้ไฟฟ้า data center เพิ่มขึ้นอย่างมาก ในขณะที่โรงไฟฟ้าถ่านหินและโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ทยอยปลดระวางลง โดยค่า Capacity Payment จะปรับเพิ่มขึ้นอีกในช่วงกลางปี 2569 จาก 270 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อเมกะวัตต์ต่อวัน เป็น 329 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อเมกะวัตต์ต่อวัน ในส่วนของธุรกิจโครงสร้างพื้นฐาน โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองสายบางปะอิน-นครราชสีมา (M6) มีกำหนดเปิดดำเนินการในช่วงไตรมาส 3/2569
ในส่วนของธุรกิจก๊าซ ในปี 2569 กลุ่มบริษัทฯ มีแผนขยายการนำเข้า LNG เพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 70 ลำ หรือประมาณ 4-5 ล้านตัน เพื่อรองรับการผลิตไฟฟ้าของกลุ่มโรงไฟฟ้าของบริษัทฯ ซึ่งจะช่วยเพิ่มรายได้จาก shipper fee นอกจากนี้ กลุ่มบริษัทฯ ยังมุ่งเน้นการดำเนินกลยุทธ์ LNG optimization เพื่อบริหารจัดการการนำเข้า การขนส่ง และการจำหน่าย LNG อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นและสร้างมูลค่าเพิ่มได้อย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ในปี 2569 จะได้รับแรงหนุนจากส่วนแบ่งกำไรและเงินปันผลรับจาก AIS ที่เพิ่มขึ้น ตามผลประกอบการที่แข็งแกร่งจากการขยายฐานผู้ใช้บริการ 5G การเพิ่มขึ้นของ ARPU และการบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะต้นทุนการใช้คลื่นความถี่ที่ลดลงภายหลังจากการชนะการประมูลคลื่นความถี่ 2100 MHz
ในขณะที่กลุ่มธุรกิจดิจิทัลจะเป็นอีกหนึ่งแรงขับเคลื่อนสำคัญของการเติบโตในปี 2569 โดยจะเป็นปีแรกที่บริษัทฯ รับรู้ผลการดำเนินงานเต็มปีของโครงการ GSA01 ซึ่งเป็นศูนย์ข้อมูล (data center) ขนาด 25 เมกะวัตต์ ที่บริษัทฯ ได้ร่วมลงทุนกับ Singtel และ AIS ภายหลังจากที่ได้เปิดให้บริการเป็นที่เรียบร้อย ขณะที่โครงการ GSA02 ซึ่งมีขนาด 38 เมกะวัตต์ อยู่ระหว่างการพัฒนาและมีกำหนดเปิดให้บริการในไตรมาส 1/2570 โดยบริษัทฯ ตั้งเป้าขยายกำลังการให้บริการศูนย์ข้อมูลเป็น 300-500 เมกะวัตต์ภายใน 3-5 ปีข้างหน้า เพื่อรองรับความต้องการใช้งานโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลและเทคโนโลยี AI ที่เพิ่มขึ้นในประเทศไทย สำหรับธุรกิจคลาวด์ (cloud) บริษัทฯ ได้ร่วมทุนกับ AIS ภายใต้บริษัทฯ G-AIS เพื่อให้บริการระบบคลาวด์ทั้งในรูปแบบ public cloud และ private cloud โดยร่วมมือกับ Oracle Alloy, Google และ Microsoft ในการให้บริการระบบคลาวด์และพัฒนาโซลูชันด้านดิจิทัลร่วมกัน เพื่อขยายการเข้าถึงนวัตกรรมคลาวด์และเทคโนโลยี AI ตลอดจนเสริมความแข็งแกร่งด้าน cybersecurity เพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขัน และรองรับการเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัล
ปัจจุบัน บริษัทฯ มีกำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้งที่เปิดดำเนินการแล้วประมาณ 16,000 เมกะวัตต์ และมีกำลังการผลิตที่อยู่ระหว่างการพัฒนาอีกประมาณ 9,000 เมกะวัตต์ ซึ่งมากกว่า 40% ของกำลังการผลิตทั้งหมดจะมาจากพลังงานหมุนเวียน สอดคล้องกับเป้าหมายด้านการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของประเทศ
GULF ไตรมาส 3/68 รับรู้ Core Profit นิวไฮ 7,280 ล้านบ.
WSOL เข้าซื้อ “บลู พาร์คกิ้ง” รุกธุรกิจ B2B2C
WP โชว์กำไรทะลุ 38 ล้านบาท ดันผลงานโค้งท้ายเข้าเป้า
BCPG ผลงานไตรมาส 3/68 "นิวไฮ" กำไรสุทธิ 626 ล้านบ.
ตลท. รับ! IPO ต่ำจองอื้อ - ยังเข้มซื้อขาย - พิทักษ์ รัชกิจประการ คว้ารางวัล “Outstanding CEO”
ตลท. สรุปดัชนี้หุ้นไทย ต.ค. เพิ่มขึ้น 2.8%