Phones





ไทยใช้สิทธิ FTA ช่วง 10 เดือนปี 68 ทะลุ 2.38 ล้านล้านบาท

2025-12-27 09:10:31 52



นิวส์ คอนเน็คท์ - กรมการค้าต่างประเทศ รายงานการใช้สิทธิ FTA ของไทยในช่วง 10 เดือนแรกปี 68 มีมูลค่ากว่า 75,715.14 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 2.38 ล้านล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนการใช้สิทธิ 81.77% สะท้อนศักยภาพของผู้ประกอบการไทยในการใช้ FTA เพื่อรับมือกับความผันผวนของเศรษฐกิจโลก

เมื่อเร็วๆ นี้ นางอารดา เฟื่องทอง อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า ในช่วง 10 เดือนของปี 2568 มูลค่าการใช้สิทธิประโยชน์ทางการค้าภายใต้ความตกลงการค้าเสรี (FTA) ของไทยยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยมีมูลค่ารวม 75,715.14 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันกับของปีก่อนหน้า 6.46% โดยมีสัดส่วนการใช้สิทธิ 81.77% ของมูลค่าสินค้าส่งออกที่ได้รับสิทธิพิเศษภายใต้ FTA 

เป็นการส่งออกไปยังอาเซียนภายใต้ความตกลงการค้าสินค้าของอาเซียน (ATIGA) สูงสุดเป็น อันดับหนึ่ง มูลค่า 27,417.06 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มีสัดส่วนการใช้สิทธิ 71.25% อันดับสอง เป็นการใช้สิทธิฯ ภายใต้ความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-จีน (ACFTA) มูลค่า 21,381.09 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สัดส่วนการใช้สิทธิฯ 95.46% อันดับสาม ความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-อินเดีย (AIFTA) มูลค่า 8,163.87 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สัดส่วนการใช้สิทธิฯ 72.12% อันดับสี่ ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจไทย-ญี่ปุ่น (JTEPA) มูลค่า 5,798.88 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สัดส่วนการใช้สิทธิฯ 83.65% และอันดับห้า ความตกลงการค้าเสรีไทย-ออสเตรเลีย (TAFTA) มูลค่า 4,711.41 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สัดส่วนการใช้สิทธิฯ 56.91% 

โดยในภาพรวมสินค้าที่มีการใช้สิทธิ FTA สูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ (1) ยานยนต์สำหรับขนส่งของ (2) ทุเรียนสด (3) ยางสังเคราะห์ผสมยางธรรมชาติ (4) แพลทินัมยังไม่ได้ขึ้นรูป (อันรอต) และ (5) เนื้อไก่ปรุงแต่ง ตามลำดับ สะท้อนว่าสินค้าหลักที่ใช้สิทธิสูงยังครอบคลุมทั้งสินค้าอุตสาหกรรมและสินค้าเกษตร สะท้อนจุดแข็งของโครงสร้างการส่งออกไทยที่มีความหลากหลายและสามารถตอบโจทย์ความต้องการของตลาดได้อย่างต่อเนื่อง

นางอารดากล่าวว่า ท่ามกลางเศรษฐกิจโลกที่ผันผวนจากความขัดแย้งระหว่างประเทศ การชะลอตัวของเศรษฐกิจ และการใช้มาตรการกีดกันทางการค้าที่เข้มข้นขึ้น หลายประเทศเริ่มปรับโครงสร้างการค้าและการผลิตใหม่ การใช้สิทธิประโยชน์ภายใต้ความตกลงการค้าเสรี (FTA) ของไทยจึงไม่ใช่เพียงการลดภาษีแต่เป็นเครื่องมือเชิงยุทธศาสตร์ที่ช่วยให้ไทยรักษาความสามารถในการแข่งขันและบทบาทในห่วงโซ่การผลิตโลก โดยไทยมุ่งยกระดับบทบาทจากการเป็นประเทศผู้ส่งออก ไปสู่การเป็น “พันธมิตรทางเศรษฐกิจ” ที่ประเทศคู่ค้าให้ความเชื่อถือในด้านมาตรฐานและความต่อเนื่องของการผลิต 

สอดรับกับแนวโน้มที่หลายประเทศหันมาใช้กลยุทธ์การจัดหาสินค้าและตั้งฐานการผลิตกับประเทศที่มีความสัมพันธ์ดี มีเสถียรภาพ และมีค่านิยมใกล้เคียงกัน (Friend-shoring) เพื่อสร้างความมั่นคงให้ห่วงโซ่อุปทานและลดความเสี่ยงจากความขัดแย้งทางการเมืองและเศรษฐกิจ การเร่งใช้ประโยชน์จาก FTA ควบคู่กับการขยายความร่วมมือใหม่ จะช่วยลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาตลาดหลักเพียงไม่กี่ประเทศ เสริมความแข็งแกร่งของเครือข่ายการผลิตในอาเซียน และสนับสนุนบทบาทของไทยในฐานะศูนย์กลางการค้า การลงทุน และโลจิสติกส์ของภูมิภาค ผ่านการทำงานร่วมกันของภาครัฐและเอกชน