Phones





โบรกฯ ส่อง KJL แนะ "ซื้อ" ที่ 9.90 บาท อัพไซด์กว้าง 57%

2025-06-02 18:31:58 132



นิวส์ คอนเน็คท์ - บล. หยวนต้า (ประเทศไทย) ส่องราคาเป้าหมาย KJL ที่ 9.90 บาท อัพไซด์เปิดกว้าง 57% แนวโน้มกำไรไตรมาส 2 ปี 68 โตต่อเนื่อง คาดรายได้โต 12.4% อยู่ที่ 1,353 ล้านบาท สวนทางเศรษฐกิจ ราคาเหล็กลดลงหนุนมาร์จิ้นเพิ่ม คาดกำไรทำได้ไม่ต่ำกว่า 190 ล้านบาท และเพิ่มเป็น 232 ล้านบาทในปี 69

เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2568 บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด เผยแพร่บทวิเคราะห์ บริษัท กิจเจริญ เอ็นจิเนียริ่ง อีเลคทริค จำกัด (มหาชน) หรือ KJL โดยระบุว่า แนวโน้มกำไรไตรมาสที่ 2 ของปี 2568 คาดเบื้องต้นที่ 50 – 55 ล้านบาท เติบโตสูงเมื่อเทียบไตรมาสก่อนหน้า และเติบโตเล็กน้อยเมื่อเทียบกับช่วงเดียวปีก่อน เนื่องจากลูกค้าที่มีคำสั่งซื้อไปในช่วงโปรโมชั่นใน Q4/67 เริ่มมีสต๊อกลดลง จึงกลับมาซื้อสินค้าซ้ำ 

ประกอบกับมีการออกสินค้าใหม่ที่ตอบโจทย์การใช้งานในยุคเศรษฐกิจชะลอตัว โดยเน้นสินค้าที่ยังใช้งานได้ในคุณภาพใกล้เคียงเดิม แต่มีราคาที่ประหยัดลง เช่น พูลบ็อกซ์เหล็กหนา 1.6 mm ชุปกัลวาไนซ์ รวมถึงการจัดงานสัมนารวมพลคนไฟฟ้าต่อเนื่องทุกเดือน ทำให้ได้ฐานช่างไฟ และร้านค้าเพิ่มขึ้น ทำให้เกิดการระบุยี่ห้อ KJL เมื่อสั่งซื้อตู้ไฟ และอุปกรณ์

ขณะที่สินค้ากลุ่ม Solar ยังเติบโตดี จากการติดตั้ง Solar roof ทั้งภาคครัวเรือน และภาคธุรกิจ และกำลังอยู่ในช่วงทำการตลาดลูกค้ากลุ่ม Data center ซึ่งทยอยมีรายได้กลุ่มนี้เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง นอกจากนี้ใน Q2/68 ออกสินค้าใหม่เป็นกลุ่ม Stainless series แพงกว่าตู้เหล็ก 5–6 เท่า แต่มีความต้องการสำหรับอุตสากรรมเฉพาะทางที่ต้องการความแข็งแรงพิเศษ เช่น อุตสากรรมเคมี สถานที่ริมทะเล อุตสำหกรรมอาหารที่ต้องการ Food grade เป็นต้น ช่วยเพิ่มทั้งรายได้ และ GPM

ทั้งนี้ KJL มีจุดแข็งคือมาตรฐานสินค้าที่ได้รับการยอมรับ แบรนด์เป็นที่รู้จักมายาวนาน มีสินค้าหลากหลาย ตอบโจทย์ลูกค้าทุกประเภท การขนส่งรวดเร็ว มีสมาชิกช่างไฟจำนวนมากขึ้นต่อเนื่อง และสร้าง Awareness ให้ระบุชื่อ KJL เมื่อสั่งตู้ไฟและอุปกรณ์ ทำให้ได้เปรียบคู่แข่ง แม้ในภาวะเศรษฐกิจไม่ดี KJL ยังสามารถปรับตัวด้วยการออกสินค้าใหม่ตอบโจทย์ความต้องการได้รวดเร็ว และสั่งซื้อได้แม้ต้องการเพียงชิ้นเดียว ขณะที่คู่แข่งอ่อนแอลงตามภาวะเศรษฐกิจ ทั้งด้านคุณภาพสินค้า และบริการรวมถึงฐานะทางการเงิน ทำให้แม้ว่าภาพรวมการบริโภคอาจลดลง แต่ KJL ยังสามารถเติบโตได้จากการแย่งส่วนแบ่งทางการตลาดของเจ้าอื่น 

คาดรายได้ปี 2568 ของ KJL เติบโต 12.4% เทียบปี 2567 เป็น 1,353 ล้านบาท และเติบโต 17% เป็น 1,584 ล้านบาท ในปี 2568 เนื่องจากจะมีการขยายกำลังการผลิตอีก 7 ล้านชิ้น หรือ 21% เป็น 40 ล้านชิ้นใน Q4/68 นอกจากนี้ มีการลงทุนซื้อที่ดินเพื่อเตรียมพร้อมการขยายกำลังการผลิต และคลังสินค้าในเฟสถัดไป สะท้อนมุมมองผู้บริหารต่อแนวโน้มของธุรกิจว่ายังเติบโตไปในทิศทางที่ดี สวนทางกับทิศทางเศรษฐกิจในประเทศ
นับตั้งแต่การประกาศขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ เมื่อ 2 เม.ย. ส่งผลให้ราคาเหล็กทุกประเภทลดลงในช่วงเกือบ 2 เดือนนี้ราว 5–13% โดยเหล็กรีดเย็นลดลงราว 9% เหล็กรีดร้อนลดลงราว 12–13% ช่วยให้ KJL สามารถจัดโปรโมชั่นได้มากขึ้น โดย GPM ยังสูงกว่า 30% ได้ ขณะที่สินค้าพรีเมี่ยมเดิม ยังสามารถขายได้ในอัตรากำไรขั้นต้นที่สูงขึ้น

คาดกำไรปี 2568 ที่ 190 ล้านบาท เติบโต 5.0% จากปี 2567 และคาดในปี 2569 กำไรอยู่ที่ 232 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22.0% จากปี 2568 โดยประมาณการกำไรปี 2568 อยู่ในกรอบล่างของเป้าหมายของบริษัทที่ 190–210 ล้านบาท ขณะที่ราคาหุ้นปัจจุบันมี Valuation ต่ำมาก โดยมี PER2025 ต่ำเพียง 7.7 เท่า ให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลทั้งปี 8% (จ่ายทุกครึ่งปี) มองเป็นโอกาส "ซื้อ" ด้วยราคาเป้าหมาย 12 เดือนที่ 9.90 บาท