Phones





KLINIQ พร้อมเทรด mai ภายในพ.ย.นี้ เคาะราคา IPO สัปดาห์หน้า

2022-10-20 15:46:52 225



นิวส์ คอนเน็คท์ - KLINIQ พร้อมเข้าเทรด mai ภายในgfnvo พ.ย.นี้ จ่อเคาะราคา IPO สัปดาห์หน้า นำเงินขยายธุรกิจในมือ

เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2565 นายแพทย์อภิรุจ ทองวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เดอะคลีนิกค์ คลินิกเวชกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ KLINIQ เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ช่วงเดือน พ.ย.65 โดยเบื้องต้นจะกำหนดราคาขายหุ้น IPO ภายในสัปดาห์หน้า และเปิดจองซื้อในสัปดาห์ถัดไป สำหรับวัตถุประสงค์การเงินที่ได้จาก IPO ครั้งนี้ บริษัทฯ มีแผนใช้เงินเพิ่มทุนเพื่อ 1. ลงทุนในการขยายกิจการ 2. ลงทุนในการจัดซื้อเครื่องมือทางการแพทย์เพิ่มเติม 3. ลงทุนในการขยายกิจการศูนย์ศัลยกรรม 4. พัฒนาระบบ IT และระบบข้อมูลลูกค้าและ 5. เป็นเงินทุนหมุนเวียนสำหรับการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ

โดยการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ประชาชนเป็นครั้งแรก(IPO) จำนวนไม่เกิน 60 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) 0.50 บาทต่อหุ้น หรือคิดเป็น 27.27% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออก และเรียกชำระแล้วฯ

ปัจจุบัน บริษัทเป็นผู้ให้บริการตรวจรักษาด้านผิวหนัง ความงาม รักษาผิวพรรณ และดูแลเรือนร่าง รวมถึงการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่มีความเกี่ยวข้องกับการให้บริการ ถือเป็นผู้นำธุรกิจด้านความงามครบวงจร ภายใต้แบรนด์ “เดอะคลีนิกค์” (THE KLINIQUE) ดังนี้ 1.แผนกผิวหนังและความงาม 2.แผนกศัลยกรรมตกแต่ง 3.แผนกป้องกันและฟื้นฟูสุขภาพ และ 4.การจำหน่ายยา และเวชภัณฑ์ ซึ่ง ณ วันที่ 30 มิ.ย.2565 มีสาขาให้บริการรวม 39 สาขาทั่วประเทศ แบ่งเป็น คลินิกเวชกรรม 35 สาขา ศูนย์ศัลยกรรม 1 สาขา และร้านทำเล็บ 3 สาขา มีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายหลักทั้งผู้หญิง และผู้ชาย ซึ่งตอนนี้มีลูกค้าในระบบกว่า 200,000 ราย ซึ่งมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง

อนึ่ง ผลการดำเนินงานย้อนหลังของปี 2562-2565 โดยในปี 2562 มีรายได้จากการขายและให้บริการ(SG&A)รวม 975.84 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 115.47 ล้านบาท ปี 2563 มีรายได้รวม 1,000.55 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 144.60 ล้านบาท ส่วนปี 2564 มีรายได้รวม 949.93 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 129.25 ล้านบาท ส่วนในช่วง 6 เดือนแรกมีรายได้รวมแล้ว 714.72 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 100.22 ล้านบาท ถือเป็นการเติบโตได้ในสูงเป็นประวัติการณ์ (นิวไฮ) แม้ว่าที่ผ่านมาจะได้รับแรงกดดันจากภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซา ทำให้กำลังซื้อผู้บริโภคถดถอย แต่บริษัทมีฐานลูกค้าในระดับบน ที่ไม่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าว และที่สำคัญผู้บริโภคอายุ 30 ปีขึ้นไป ให้ความสำคัญในการดูแลสุขภาพผิว และโรคแก่มากขึ้น

นอกจากนี้ บริษัทยังมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิตามงบการเงินเฉพาะกิจการภายหลังจากหักภาษีและเงินทุนสำรองตามกฎหมายและเงินจำลองอื่น ด้านภาพรวมอุตสาหกรรมด้านสุขภาพ และความงาม มองว่ายังคงมีการขยายตัวต่อเนื่องในอนาคต สอดคล้องกับเทรนด์ของพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่