Phones





CHASE ก.ล.ต.นับหนึ่งไฟลิ่ง เตรียมขาย IPO จำนวน 562 ล้านหุ้น

2023-02-01 14:25:58 1076




นิวส์ คอนเน็คท์ - CHASE ก.ล.ต.นับหนึ่งไฟลิ่ง เตรียมเสนอขาย IPO จำนวน 562 ล้านหุ้น เข้าตลาดหลัหทรัพย์ SET คาดจะสามารถเปิดจองซื้อ และเข้าเทรดได้ภายในเดือน ก.พ. นี้ 

เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2566 นายพงศ์ศักดิ์ พฤกษ์ไพศาล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน บริษัท เชฎฐ์ เอเชีย จำกัด (มหาชน) หรือ CHASE เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้แจ้งอนุมัติแบบคำขออนุญาตเสนอขายหุ้น CHASE ให้กับประชาชนครั้งแรก (IPO) จำนวน 562 ล้านหุ้นแล้ว โดยคาดว่าจะสามาถเปิดให้จองซื้อได้ในช่วงเดือน ก.พ.นี้ และคาดว่าจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ SET ในเดือน ก.พ.66

ทั้งนี้ CHASE เป็นบริษัทที่มีความแข็งแกร่งและมีประสบการณ์ในธุรกิจบริหารจัดการสินทรัพย์ด้อยคุณภาพมาอย่างยาวนาน ผลจากจัดเก็บหนี้เสียที่ซื้อมาบริหารในอดีตอยู่ในเกณฑ์ที่ดีเมื่อเทียบกับคู่แข่ง นอกจากนี้ ธนาคารพาณิชย์ให้ความเชื่อถือในการติดตามทวงถามหนี้ ซึ่งสามารถบริหารจัดการได้อย่างมืออาชีพ ทั้งยังช่วยเหลือลูกหนี้อย่างเต็มที่ และมีความสามารถในการจัดเก็บหนี้ที่ต้องมีการบังคับใช้กฎหมาย ดูได้จากอัตราค่าคอมมิชชั่นที่สูงกว่า 20% เนื่องจาก CHASE มีความสามารถในการตามเก็บหนี้สินที่ตามเก็บยาก ทำให้ธนาคารส่งหนี้ในลักษณะดังกล่าวให้ CHASE มากกว่าบริษัทอื่น ๆ และส่งผลให้ CHASE มีโอกาสในการเติบโตสูง 

สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุน IPO บริษัทฯ จะใช้ในการซื้อสินทรัพย์ด้อยคุณภาพจากสถาบันการเงิน และเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจของบริษัทฯ โดยภาพรวมเศรษฐกิจประเทศไทยในปี 2566 น่าจะดีขึ้นจากการเปิดประเทศเต็มรูปแบบ ซึ่งจะทำให้ลูกหนี้สามารถจ่ายชำระหนี้ได้ดีขึ้น ส่งผลดีต่อการเติบโตของธุรกิจยิ่งขึ้นไปอีก

นายประชา ชัยสุวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท CHASE กล่าวว่า บริษัท พร้อมเดินหน้าขยายและต่อยอดการเติบโตของธุรกิจ โดยชูศักยภาพความเป็นผู้นำในวงการบริหารหนี้ จากประสบการณ์กว่า 25 ปี เสริมทัพด้วยทีมผู้บริหารมากประสบการณ์ และบุคลากรที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญทางด้านการเงินและกฎหมาย ทำให้ CHASE เติบโตเป็นบริษัทบริหารหนี้สินอย่างครบวงจรที่โดดเด่นที่สุดในอุตสาหกรรม และได้รับความไว้วางใจทั้งจากสถาบันการเงินชั้นนำ รวมถึงพันธมิตรสำคัญ อาร์เอส กรุ๊ป ซึ่งเข้าร่วมลงทุนผ่านบริษัทย่อยในสัดส่วน 35% ด้วยเล็งเห็นถึงโอกาสการเติบโตของบริษัทฯ 

นอกจากนี้บริษัทตั้งเป้าจะขยายพอร์ตสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) เข้าระบบประมาณ 1,000 ล้านบาท ต่อปี และตั้งเป้าในปี 2567 ขยายพอร์ตหนี้ NPN แตะที่ระดับ 2,550 ล้านบาท โดยบริษัทมองว่า จากข้อมูลสถิติ NPL ในระบบมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตามยอดสินเชื่อธนาคารพาณิชย์ที่เพิ่มขึ้นจากผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ที่ผ่านมา และการชะลอตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก โดยในปี 2564 มีอัตราส่วน NPL ต่อสินเชื่อรวมของธนาคารพาณิชย์มากถึง 531,000 ล้านบาท 

รวมถึงคาดว่าธนาคารพาณิชย์จะต้องทยอยขายหนี้เสียออกมาหลังหมดมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้จากผลกระทบของโรค COVID-19 ในช่วงสิ้นปี 2565 ทำให้เป็นโอกาสในการซื้อสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ และเศรษฐกิจไทยกำลังฟื้นตัว โดย GDP ในปี 2565-2566 ธนาคารแห่งประเทศไทยคาดการณ์ว่าจะสูงขึ้นเป็น 3.3% และ 3.7% ตามลำดับ จากการเปิดประเทศ ซึ่งจะส่งผลให้การจ่ายชำระของลูกหนี้ดีขึ้น ในฐานะที่ CHASE เป็นบริษัทบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพครบวงจร มองว่าปีนี้น่าจะเป็นปีที่ดีของธุรกิจ เนื่องจากน่าจะมีสินทรัพย์ด้อยคุณภาพออกมาในตลาดมาก ขณะที่การจ่ายชำระของลูกหนี้ดีขึ้น

จากข้อมูลสถิติ ปริมาณสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือ NPL ในระบบมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตามยอดสินเชื่อธนาคารพาณิชย์ที่เพิ่มขึ้นจากผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ที่ผ่านมา และการชะลอตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก โดยในปี 2564 มีอัตราส่วน NPL ต่อสินเชื่อรวมของธนาคารพาณิชย์มากถึง 531,000 ล้านบาท และคาดว่าธนาคารพาณิชย์จะต้องทยอยขายหนี้เสียออกมาหลังหมดมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้จากผลกระทบของโรค COVID-19 ในช่วงสิ้นปี 2565 ทำให้เป็นโอกาสในการซื้อสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ และเศรษฐกิจไทยกำลังฟื้นตัว โดย GDP ในปี 2565-2566 ธนาคารแห่งประเทศไทยคาดการณ์ว่าจะสูงขึ้นเป็น 3.3% และ 3.7% ตามลำดับ จากการเปิดประเทศ ซึ่งจะส่งผลให้การจ่ายชำระของลูกหนี้ดีขึ้น ในฐานะที่ CHASE เป็นบริษัทบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพครบวงจร มองว่าปีนี้น่าจะเป็นปีที่ดีของธุรกิจ เนื่องจากน่าจะมีสินทรัพย์ด้อยคุณภาพออกมาในตลาดมาก ขณะที่การจ่ายชำระของลูกหนี้ดีขึ้น”

ด้านนางสาววรลักษณ์ ชัยสุวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน CHASE กล่าวว่า สำหรับภาพรวมผลการดำเนินงานที่ผ่านมา CHASE เติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วงระหว่างปี 2562 – 2564 โดยมีอัตราเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) กว่า 10.8% รายได้ส่วนใหญ่มาจากธุรกิจบริหารสินทรัพย์จากการรับซื้อหรือโอน NPL ประมาณ 60% และธุรกิจติดตามทวงถามและเร่งรัดหนี้สินอีกประมาณ 34% ในขณะเดียวกัน กลุ่มบริษัทฯ มีอัตรากำไรสุทธิที่ปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากมีการเติบโตของรายได้ที่เพิ่มขึ้นมากกว่าการเติบโตของต้นทุนการให้บริการและค่าวิชาชีพ อย่างไรก็ดี ในช่วงไตรมาส 3/2565 อัตรากำไรสุทธิปรับตัวลดลงจากช่วงเดียวกันในปีก่อนหน้า จากการตั้งค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (ECL) ที่เพิ่มขึ้น โดยฐานะทางการเงินของกลุ่มบริษัทฯ ณ ไตรมาส 3/2565 กลุ่มบริษัทฯ มีสินทรัพย์ 2,875.5 ล้านบาท และอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (D/E) เท่ากับ 0.4 เท่า ซึ่งรองรับโอกาสในการเข้าซื้อ NPL ของกลุ่มบริษัทฯ ในอนาคต