Phones





SAFE ชูผู้นำบริการทางการแพทย์เพื่อการมีบุตรครบวงจร เดินหน้าเข้า SET

2023-09-26 13:53:46 52



นิวส์ คอนเน็คท์ - บมจ.เซฟ เฟอร์ทิลิตี้ กรุ๊ป หรือ SAFE โชว์ศักยภาพผู้นำให้บริการทางการแพทย์เพื่อการมีบุตรครบวงจร มุ่งสู่ผู้นำระดับภูมิภาคเอเชีย พร้อมเดินหน้าเข้าระดมทุนใน SET ขาย IPO จำนวนไม่เกิน 76.746 ล้านหุ้น นำเงินขยายสาขา ลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง และใช้เป็นเงินทุนหมนุเวียน 

เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2566 นพ.วิวัฒน์ กว้างคณานุรักษ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาผู้มีบุตรยากด้วยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธ์ทางการแพทย์ ในฐานะประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซฟ เฟอร์ทิลิตี้ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ SAFE เปิดเผยว่า กลุ่มบริษัทฯ เป็นผู้ให้บริการศูนย์การแพทย์เฉพาะทางเพื่อการมีบุตรภายใต้ชื่อ “ศูนย์การแพทย์เพื่อการมีบุตร เซฟ เฟอร์ทิลิตี้ เซ็นเตอร์” โดยเป็นศูนย์รักษาผู้มีบุตรยากที่ให้บริการแบบครบวงจรในไทยที่ได้รับการรับรองมาตรฐานการให้บริการด้านการเจริญพันธ์ในระดับสากล และได้รับการรับรองมาตรฐานคลินิกเด็กหลอดแก้วแห่งแรกของประเทศไทย และแห่งที่ 2 ในเอเชีย จากสถาบัน RTAC 

โดยให้บริการตั้งแต่ ให้คำแนะนำ คำปรึกษา ตลอดจนให้การรักษาแก่ผู้ที่มีบุตรยากและการเพาะเลี้ยงตัวอ่อนแบบพิเศษ การแช่แข็งไข่ ฝากไข่ อสุจิ และตัวอ่อน เพื่อโอกาสในการเติมเต็มความฝันของการมีบุตรในอนาคต พร้อมผู้ดูแลลูกค้าส่วนบุคคล ที่มีประสบการณ์สูง สามารถสื่อสารได้หลากหลายภาษา คอยดูแลช่วยเหลือตลอดกระบวนการอย่างอบอุ่นและใกล้ชิด 

ปัจจุบัน บริษัทฯ มี 2 บริษัทย่อย ซึ่งถือหุ้นสัดส่วน 99.99% และ 80% ตามลำดับ ได้แก่ 1. บริษัท เน็ก
เจนเนอร์เรชั่น จีโนมิค จำกัด หรือ NGG ดำเนินธุรกิจด้านการตรวจวินิจฉัยพันธุกรรมตัวอ่อนและทารกในครรภ์และการให้บริการด้านห้องปฏิบัติการทางด้านพันธุศาสตร์ต่างๆ เพื่อสนับสนุนธุรกิจของบริษัทฯ รวมถึงให้บริการแก่ลูกค้าภายนอกด้วย อาทิ จากโรงพยาบาลชั้นนำ และคลินิกสูตินรีเวช และศูนย์รักษาผู้มีบุตรยากในประเทศไทย และ 2. บริษัท เซฟ เวลเนส จำกัด หรือ SWC ดำเนินธุรกิจให้บริการด้านผิวหนังและความงามภายใต้ชื่อ เดอะฟาวเทน เวลเนส เซ็นเตอร์ (The Fountain Wellness Center) ให้บริการลูกค้าอย่างครบวงจรตั้งแต่ก่อนและหลังมีบุตร

ทั้งนี้ กลุ่มบริษัทฯ ให้บริการรักษาผู้มีบุตรยากด้วยวิธีต่างๆ ดังนี้ 1. การรักษาภาวะมีบุตรยากด้วยวิธี IUI เป็นการฉีดน้ำเชื้อที่ผ่านการคัดกรองเข้าไปในโพรงมดลูกโดยตรง, 2. การรักษาภาวะมีบุตรยากด้วยวิธี ICSI คือการช่วยปฏิสนธิของไข่และเชื้ออสุจิภายนอกร่างกายและส่งกลับตัวอ่อนเข้าไปยังโพรงมดลูกเพื่อให้เกิดการตั้งครรภ์ 3. การย้ายตัวอ่อนกลับเข้าสู่โพรงมดลูก แบ่งเป็นการย้ายตัวอ่อนแบบรอบสด และรอบแช่แข็ง, 4. บริการแช่แข็งเก็บรักษาเซลล์ไข่ อสุจิ และตัวอ่อน, 5. การเก็บอสุจิ ด้วยวิธี TESE หรือการเก็บอสุจิโดยตรงจากอัณฑะ, 6. เทคโนโลยีคัดอสุจิด้วยวิธี IMSI ด้วยกล้องจุลทรรศน์ที่มีกำลังขยายสูงเพื่อคัดเลือกอสุจิลักษณะดีมาผสมกับเซลล์ไข่, 7. การคัดกรองอสุจิด้วยวิธี MACs Sperm เพื่อคัดกรองอสุจิที่มีคุณภาพ

โดยให้บริการผ่านสาขาทั้ง 5 แห่ง ได้แก่ สาขาอัมรินทร์ พลาซ่า รามอินทรา ภูเก็ต ขอนแก่นและศรีราชา และมีลูกค้าทั้งชาวไทย ประมาณ 50% และชาวต่างชาติ ได้แก่ อินเดีย ญี่ปุ้น และกลุ่ม CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม) ประมาณ 50% รวมถึงมีช่องทางโซเชียลมีเดีย เช่น Facebook, Instagram, Line Official, WhatsApp และเว็บไซต์ของบริษัท ในการสื่อสารข้อมูลข่าวสารต่างๆ ของบริษัทไปยังลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย

นพ.วิวัฒน์ กล่าวถึงจำนวนลูกค้าในช่วงที่ผ่านมา มีอัตราการเติบโตต่อเนื่อง โดยในช่วงปี 2563-2565 เติบโตเฉลี่ยปีละ 30% และคาดว่าในปีต่อๆ ไป อัตราการเติบโตจะใกล้เคียงกับอุตสาหกรรมในกลุ่มนี้ที่คาดเติบโตปีละ 14-15% ขณะที่มีการคาดการณ์กันว่า ภายในปี 2570 มูลค่าการตลาดของค่าใช้จ่ายสำหรับผู้มีบุตรยากที่ต้องการมีบุตร จะอยู่ที่ประมาณ 6 หมื่นล้านบาท

สำหรับความคืบหน้าในการนำบริษัทฯ เข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ SET บริษัทฯ ได้ยื่นแบบไฟลิ่งไปเมื่อเดือน มิ.ย.66 และคาดว่าน่าจะมีการเริ่มนับ 1 ไฟลิ่งได้ในช่วงเดือน ต.ค.66 นี้ และคาดว่าจะนำหุ้นเข้าทำการซื้อขายได้ภายในไตรมาส 4/66 นี้ โดยบริษัทฯ เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก หรือ IPO จำนวน 76,745,800 หุ้น คิดเป็น 25.25% ของหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดภายหลังการเสนอขาย IPO มีมูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 1 บาท ประกอบด้วย หุ้นที่จะเสนอขายโดยผู้ถือหุ้นเดิม จำนวน 52,799,000 หุ้น และหุ้นที่เสนอขายโดยบริษัทฯ จำนวนไม่เกิน 23,947,800 หุ้น

สำหรับเงินที่จะได้รับจากการระดมทุนครั้งนี้ จะใช้เป็นเงินลงทุนขยายสาขา ซึ่งตั้งเป้าจะขยายให้ได้ปีละ 1-2 สาขา เงินลงทุนประมาณสาขาละ 100 ล้านบาท จากปัจจุบันมีอยู่แล้ว 5 สาขา นอกจากนั้น จะนำไปใช้ลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องและโอกาสในธุรกิจใหม่ๆ ในอนาคต รวมทั้งใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในบริษัท