Phones





SPREME เตรียมขาย IPO จำนวน 200 ล้านหุ้น

2024-04-26 05:32:43 90



SPREME เตรียมขาย IPO จำนวน 200 ล้านหุ้น (รายงานพิเศษ)
นิวส์ คอนเน็คท์ - บริษัท สุพรีม ดิสทิบิวชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SPREME ประกอบธุรกิจทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและสื่อสาร โดยเป็นผู้ออกแบบ จัดหาและติดตั้งอุปกรณ์ที่ใช้ในงานเทคโนโลยีสารสนเทศครบวงจร (System Integrator) ทั้งอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ (Hardware) และโปรแกรมซอฟต์แวร์ (Software) รวมถึงให้บริการดูแลบำรุงรักษาและซ่อมแซมระบบคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่อพ่วงหลังการขาย และการให้เช่าระบบคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่อพ่วง ภายใต้การทำงานกับทีมงานของบริษัทฯ ที่มีประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศโดยเฉพาะ ซึ่งสามารถส่งมอบงานที่มีคุณภาพให้ลูกค้ามีความมั่นใจในศักยภาพของบริษัทฯ 

โดยสามารถแบ่งกลุ่มประเภทธุรกิจได้ 3 ประเภท ได้แก่ 1. ธุรกิจจำหน่ายและติดตั้งอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและระบบเครือข่าย (“ธุรกิจจำหน่ายและติดตั้ง”) 2. ธุรกิจให้บริการดูแลบำรุงรักษาและซ่อมแซมระบบคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่อพ่วง (“ธุรกิจ MA”) และ 3. ธุรกิจให้เช่าระบบคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่อพ่วง (“ธุรกิจให้เช่า”)

นายภานุวัฒน์ ขันธโมลีกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SPREME กล่าวว่า บริษัทฯ เตรียมเสนอขายหุ้นต่อประชาชน จำนวน 200,000,000 หุ้น คิดเป็น 27.02% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญในครั้งนี้ แบ่งเป็น การเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 180,000,000 หุ้น และการเสนอขายหุ้นเดิมจาก PSN Capital Limited อีกจำนวน 20,000,000 หุ้น โดยเป็นการเสนอขายในราคาเดียวกันทั้งหมด โดยบริษัทฯ จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (SET) ในหมวดธุรกิจเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
โดย SPREME กำหนดราคาเสนอขายหุ้น IPO หุ้นละ 2.60 บาท เปิดให้จองซื้อหุ้น ระหว่างวันที่ 23-25 เมษายน 2567 โดยจะเข้าจดทะเบียนใน SET วันที่ 2 พฤษภาคม 2567 นี้ โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายว่า “SPREME” ในกลุ่มอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT) โดยมี บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันซ่า จำกัด เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญ (Lead Underwriter) และบริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้ร่วมจัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย และผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายอีก 7 แห่ง ประกอบด้วย บริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด, บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัทหลักทรัพย์ เอเอสแอล จำกัด และบริษัทหลักทรัพย์ เอสบีไอ ไทย ออนไลน์ จำกัด 

ปัจจุบัน SPREME มีทุนจดทะเบียน จำนวน 370 ล้านบาท โดยเป็นทุนที่ออกและเรียกชำระแล้ว จำนวน 280 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญ จำนวน 560 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ 0.50 บาทต่อหุ้น 

ทั้งนี้ บริษัทมีวัตถุประสงค์ในการนำเงินที่ได้จากการเสนอขายหลักทรัพย์ในครั้งนี้ เพื่อเป็นเงินทุนรองรับการประมูลโครงการที่มีขนาดใหญ่ ลงทุนซื้อกิจการ (M&A) ต่อยอดธุรกิจเดิมของบริษัทฯ และเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจและการดำเนินการอื่นใด เพื่อให้เกิดผลประโยชน์สูงสุดต่อบริษัท

ส่วนนโยบายการจ่ายปันผล บริษัทฯ มีนโยบายจ่ายเงินปันผลในแต่ละปีในอัตราไม่น้อยกว่าร้อยละ 40 ของกำไรสุทธิหลังจากหักภาษีเงินได้นิติบุคคลของงบการเงินเฉพาะของบริษัทฯ และหลังหักเงินสำรองตามกฎหมาย และเงินสะสมอื่นๆ ตามที่บริษัทฯ กำหนด ทั้งนี้ การจ่ายเงินปันผลดังกล่าวอาจมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นอยู่กับฐานะการเงิน ผลการดำเนินงาน แผนการลงทุน ความจำเป็นและความเหมาะสมอื่นๆ ในอนาคตตามที่คณะกรรมการบริษัท และ/หรือผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ เห็นสมควร

สำหรับปี 2566 บริษัทฯ มีรายได้รวม 1,276.41 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 1,037.50 ล้านบาท ในปี 2565 และ 901.64 ล้านบาท ในปี 2564 ทั้งนี้ หากแยกสัดส่วนรายได้ตามลักษณะการประกอบธุรกิจ พบว่า ในปี 2566 มีรายได้มาจาก 1. ธุรกิจจำหน่ายปและติดตั้ง มูลค่า 1,108.81 ล้านบาท 2. จากธุรกิจ MA มูลค่า 97.17 ล้านบาท 3. จากธุรกิจให้เช่า มูลค่า 50.34 ล้านบาท 4. รายได้อื่น 20.09 ล้านบาท และหากจำแนกรายได้ตามสัดส่วนลูกค้า พบว่า ในปี 2566 มีรายได้จาก 1. กลุ่มลูกค้าภาคเอกชน มูลค่า 860.71 ล้านบาท 2.กลุ่มลูกค้าภาครัฐ มูลค่า 395.13 ล้านบาท และ 3. กลุ่มลูกค้าบุคคลทั่วไป มูลค่า 0.48 ล้านบาท

ในส่วนของกำไรขั้นต้นและอัตรากำไรขั้นต้น ในปี 2566 พบว่า กำไรขั้นต้นอยู่ที่ 290.82 ล้านบาท มีอัตรากำไรขั้นต้น อยู่ที่ 23.15% เพิ่มขึ้นจากปี 2565 ที่กำไรขั้นต้นอยู่ที่ 219.71 ล้านบาท และอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 21.43% ขณะที่กำไรสุทธิของปี 2566 อยู่ที่ 156.59 ล้านบาท อัตรากำไรสุทธิ อยู่ที่ 12.27% เพิ่มขึ้นจากปี 2565 ที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 99.24 ล้านบาท และอัตรากำไรสุทธิ อยู่ที่ 9.57%