Phones





MASTER ปรับทัพผู้บริหาร หนุนผลงานกลับมาแกร่ง

2025-12-10 17:38:49 101



 
นิวส์ คอนเน็คท์ - MASTER ปรับทัพบริหารครั้งใหญ่ หนุนผลงานเติบโตแข็งแกร่งตั้งแต่ไตรมาส 1/69 ลุยขยายฐานลูกค้าต่างชาติเพิ่มสัดส่วนเป็น 40% มองตลาดอินโดนีเซียยังมีศักยภาพในการเติบโต พร้อมพัฒนา Product Mix และเพิ่มสัดส่วนบริการเฉพาะทางที่มีมาร์จิ้นสูง รวมถึงเล็งจับมือพันธมิตรเสริมแกร่งรายได้
 
เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2568 นายแพทย์ระวีวัฒน์ มาศฉมาดล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท มาสเตอร์ สไตล์ จำกัด (มหาชน) หรือ MASTER เปิดเผยว่า ทิศทางธุรกิจไตรมาส 4/2568 มีแนวโน้มทรงตัว โดยได้รับแรงสนับสนุนจากความต้องการด้านศัลยกรรม และบริการด้านความงาม ในประเทศที่ทยอยปรับดีขึ้น สำหรับกลุ่มลูกค้าต่างชาติยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลัง โดยเฉพาะในบริการศัลยกรรมเฉพาะทาง ซึ่งมีอัตราค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อเคสสูงกว่าลูกค้าในประเทศอย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลดีต่ออัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทฯ แม้ว่าลูกค้ากัมพูชาจะชะลอลงจากสถานการณ์ชายแดน แต่ภาพรวมรายได้จากตลาดต่างประเทศยังเติบโตแข็งแกร่ง
 
“เราคาดว่าไตรมาส 4/2568 จะเห็นการฟื้นตัวจากไตรมาส 3/2568 โดยเฉพาะกลุ่มเคสต่างชาติ และลูกค้าไทยที่ทยอยกลับมาใช้บริการ จากกำลังซื้อที่เริ่มฟื้นตัว ขณะที่บริษัทฯ ยังคงเน้นการบริหารต้นทุนและแพทย์ให้มีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งเดินหน้าสร้างการเติบโตจากกลุ่มบริการที่มี margin สูง” นายแพทย์ระวีวัฒน์ กล่าว
 
ทั้งนี้ บริษัทได้มีการแต่งตั้งนางสาวประภาวรินท์ ลองงาม รับตำแหน่งรองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เพื่อเข้ามาเสริมทัพในองค์กร ทั้งในส่วนของระบบหน้าบ้านและหลังบ้าน รวมถึงการวางระบบบริหารจัดการและการพัฒนาศักยภาพทีมการตลาด รวมถึงการบริหารจัดการตารางแพทย์ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด สำหรับการแต่งตั้งครั้งนี้ เพื่อส่งเสริมและขยายกำลังทัพให้มีความพร้อมในการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนในระยะยาว
 
ด้านนางสาวลภัสรดา เลิศภานุโรจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวว่า ภาพรวมธุรกิจในปี 2569 มั่นใจว่าจะเห็นการกลับมาเติบโตของผลประกอบการอย่างชัดเจนตั้งแต่หลังไตรมาส 1/2569 เป็นต้นไปหลังจากที่ได้มีการปรับโครงสร้างผู้บริหารและทีมงานเสร็จเรียบร้อย อย่างไรก็ตาม มองว่าอุตสาหกรรมศัลยกรรมและเสริมความงามของไทยในปี 2569 จะเติบโตในอัตราที่ชะลอลง ตามประมาณการของศูนย์วิจัยกสิกรไทยที่คาดว่า ตลาดจะเติบโตเพียง 1.0% เทียบกับ 1.6% ในปี 2568 แม้จำนวนผู้ใช้บริการและอัตราค่าบริการจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น แต่ภาวะเศรษฐกิจและการแข่งขันที่เข้มข้นยังคงเป็นแรงกดดันหลักต่อกำลังซื้อ และการขยายฐานลูกค้าใหม่
 
ทั้งนี้ บริษัทได้เตรียมปรับแผนธุรกิจเชิงรุก โดยเน้น 4 แกนกลยุทธ์สำคัญ ได้แก่ 1. การบริหารต้นทุนและโครงสร้างราคาที่เหมาะสม เพื่อรักษาอัตรากำไรขั้นต้นให้อยู่ในระดับที่แข็งแรง แม้ภายใต้ภาวการณ์แข่งขัน, 2. การขยายฐานลูกค้าต่างชาติอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศที่มีศักยภาพสูง และต้องการศัลยกรรมเฉพาะทาง เช่น อินโดนีเซีย เมียนมา และลาว พร้อมตั้งเป้าสัดส่วนรายได้จากลูกค้าต่างประเทศชาติเพิ่มเป็น 40% ของรายได้รวม, 3. การพัฒนา Product Mix และเพิ่มสัดส่วนบริการเฉพาะทางที่มีมาร์จิ้นสูง รวมถึงการร่วมมือกับพันธมิตรในธุรกิจโรงพยาบาลศัลยกรรม และธุรกิจเสริมอาหารเพื่อความงาม และ 4. การป้องกันระบบภายในให้แข็งแกร่ง โดยเฉพาะการป้องกันการประกอบธุรกิจค้าแข่ง