Phones





เจ้าหนี้ยังรอ “ณพ ณรงค์เดช” จ่ายค่าหุ้นวินด์ฯ

2021-07-05 15:59:37 239



นิวส์ คอนเน็คท์ - เจ้าหนี้ยังรอ “ณพ ณรงค์เดช” จ่ายค่าหุ้นวินด์ฯ ยอมรับต้องพึ่งศาลช่วยทวงเงิน อยากคืนความสุขให้ทุกฝ่าย หลังคดีความยังไม่สิ้นสุด หนี้ค่าหุ้นกว่า 525 ล้านเหรียญสหรัฐ 
 
เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2564 นายนพพร ศุภพิพัฒน์ อดีตผู้ถือหุ้นเดิม และผู้ก่อตั้งบริษัท บริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง แถลงผ่านโปรแกรม Zoom โดยระบุว่า จากกรณีที่ “ทนายที่ชื่อนายปกปัก ทองภักดี และนายณพ ณรงค์เดช ให้ข่าวต่อสื่อ เผยว่าศาลสิงคโปร์พิพากษาชี้ชัด ณพ ณรงค์เดช ไม่ผิดสัญญาซื้อหุ้นกลุ่ม WEH-พ้นทุกข้อกล่าวหา โดยคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ครั้งนี้ ถือเป็นที่สิ้นสุด นั่นหมายถึงนายณพไม่ได้ติดค้างชำระค่าหุ้น ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยที่เกิดจากการซื้อหุ้นตามที่โดนกล่าวหา และไม่ต้องจ่ายค่าใช้จ่ายในกระบวนพิจารณาชั้นอนุญาโตตุลาการ ตามที่นายนพพรร้องขอ เท่ากับว่านายณพได้ชำระเงินค่าหุ้นที่ซื้อจากนายนพพร ผู้ต้องหาหนีคดี ครบถ้วนสมบูรณ์ตามสัญญาซื้อขายแล้ว” นั้น

โดยนายนพพร กล่าวว่า ตนเองน้อมรับคำตัดสินของศาลสิงคโปร์ แต่คำตัดสินนี้มิได้ตัดสินว่านายณพ ณรงค์เดช ไม่ได้เป็นหนี้ค้างชำระค่าหุ้น จำนวน 525 ล้านเหรียญฯ บวกดอกเบี้ย ตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศที่ออกมา

ทั้งนี้ ศาลอุทธรณ์สิงคโปร์มีอำนาจเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับกระบวนการพิจารณาคดีของอนุญาโตตุลาการเท่านั้น แต่ไม่มีอำนาจในการวินิจฉัยในเนื้อหาของคดี เช่น ไม่มีอำนาจพิพากษาว่าใครเป็นหนี้ใคร หรือไม่ได้เป็นหนี้ใคร เมื่อศาลอุทธรณ์สิงคโปร์เห็นว่า กระบวนการพิจารณาคดีของอนุญาโตตุลาการยังขาดความสมบูรณ์หรือครบถ้วน ก็มีอำนาจที่จะเพิกถอนคำชี้ขาดได้ ในกรณีนี้ศาลอุทธรณ์สิงคโปร์เห็นว่า กระบวนการพิจารณาของคดีอนุญาโตตุลาการในคดีค่าหุ้นส่วนที่เหลือจำนวน 525 ล้านเหรียญ พร้อมดอกเบี้ยผิดนัด และค่าใช้จ่าย ยังขาดความสมบูรณ์ ศาลก็มีคำพิพากษาเพิกถอนคำชี้ขาด แต่ก็ชอบที่บริษัทฯ จะนำเสนอข้อพิพาทใหม่ต่ออนุญาโตตุลาการหากยังไม่ได้รับการชำระหนี้

ดังนั้น เมื่อนายณพได้หุ้นไปแล้ว และความเป็นเจ้าหนี้ค่าหุ้นของนายนพพรตามกฏหมายยังคงอยู่ ตนจะเสนอข้อพิพาทเรียกเงินค่าหุ้นจำนวน 525 ล้านเหรียญฯ พร้อมดอกเบี้ยผิดนัด และค่าใช้จ่าย อีกครั้ง ต่ออนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศภายในสัปดาห์หน้า ซึ่งหากนายณพให้ความร่วมมือ ไม่ถ่วงเวลา ก็จะมีคำชี้ขาดเรื่องนี้ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งปี     
 
“นายณพ ยังมีหนี้ที่จะต้องชำระอยู่ 525 ล้านเหรียญสหรัฐ พร้อมดอกเบี้ยผิดนัดตามสัญญาซื้อขายหุ้น ซึ่งค้างชำระมานานกว่า 5 ปี และไม่เคยได้รับการติดต่อจากนายณพ เพื่อแสดงความจริงใจในการชำระหนี้ส่วนนี้เลย ตนจึงต้องขอพึ่งกระบวนการศาลยุติธรรมที่จะเรียกร้องให้ นายณพชำระหนี้ตามสัญญาให้ครบตามจำนวน เพื่อที่ทุกอย่างจะได้จบเสียที” นายนพพร กล่าว

ที่ผ่านมา คณะอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศ มีคำชี้ขาดตัดสินให้ นายณพ ชำระค่าหุ้นให้ตนเอง แต่นายณพเพิกเฉย ไม่ดำเนินการตามคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการ อีกทั้งนายณพและพวก โดยเฉพาะทีมทนายส่วนตัวของนายณพ ยังวางแผนโอนหุ้นไปให้พรรคพวกตัวเองในราคาที่ต่ำ และหุ้นบางส่วนก็ขายไปให้คนนอกที่ไม่รู้เรื่องในราคาสูง หลังจากนายณพได้เงินจากการขายหุ้นมา แต่ก็ไม่เคยนำเงินมาชำระหนี้เพิ่มเติมเลย ต่อมา ตนได้รับเอกสารจากการดำเนินคดีกับณพในประเทศไทย และมีข้อมูลที่ทีมทนายของตนเห็นว่าจำเป็นที่จะต้องพึ่งศาลในประเทศอังกฤษ ตนเลยมีความจำเป็นที่ต้องยื่นคดีหลักต่อศาลในประเทศอังกฤษ ให้ดำเนินคดีข้อหาร่วมกันสมคบคิดฉ้อฉล (conspiracy) กับจำเลยต่างๆ รวมถึงบริษัท โกลเด้น มิวสิค ของนายณพในประเทศฮ่องกง ซึ่งครอบครองหุ้นวินด์ฯ จำนวนกว่า 42 ล้านหุ้น และมีมูลค่ามากพอที่จะนำเงินมาใช้หนี้บางส่วนได้ ภายหลังหากถูกบังคับคดีขายทอดตลาด ดังนั้น คดีฉ้อฉลในประเทศอังกฤษนี้ จึงเป็นคดีหลักสำหรับข้อพิพาทระหว่างบริษัทของนายนพพร กับกลุ่มนายณพ ณรงค์เดช 
 
ปัจจุบันหุ้นวินด์ฯ ทั้งหมดที่โกลเด้น มิวสิคถือ ก็ยังคงอยู่ภายใต้คำสั่งห้ามจำหน่าย จ่าย โอน โดยศาลสูงอังกฤษ คดีที่ศาลอังกฤษนี้จะสืบพยานเดือนตุลาคมปีหน้า และคาดว่าจะมีคำพิพากษาในอีกไม่นานหลังจากนั้น โดยปัญหาในวินด์ฯ ทั้งหมดกว่า 5 ปี จะหมดไปหรือไม่ และวินด์ฯ จะเข้าตลาดหลักทรัพย์ได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับคำตัดสินของศาลสูงอังกฤษในคดีฉ้อฉล ซึ่งกลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้องกับคดีฉ้อฉลหลายคนจะมีผลสำคัญต่อการจบปัญหาที่เกิดขึ้นทั้งหมด
 
นอกจากนี้ ยังมีการฟ้องคดีอาญาข้อหาโกงเจ้าหนี้กับนายณพ ณรงค์เดชกับพวกในประเทศไทย ซึ่งหลังจากไต่สวนมูลฟ้องแล้ว ศาลอาญาพบว่า คดีมีมูล จึงสั่งประทับรับฟ้องนายณพ และนางพอฤทัย ภรรยา โดยให้นายณพกับภรรยาประกันตัวไปเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา รวมไปถึงคดีที่นายเกษม ณรงค์เดช ผู้ก่อตั้ง บริษัท เคพีเอ็น แจ้งความให้ดำเนินคดีกับ คุณหญิงกอแก้ว บุณยะจินดา และพวก ในความผิดฐานปลอมแปลงเอกสารสิทธิและใช้เอกสารปลอม จากกรณีพิพาทคดีหุ้น บริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่โฮลดิ้ง จำกัด ตั้งแต่ พ.ศ. 2561 ซึ่งก็พิสูจน์ถึงการกระทำนายณพ ที่ไม่ยอมแก้ไขปัญหาอย่างจริงใจและบริสุทธิ์ใจ