Phones





BBIK ปูทางแผนเข้าเทรด SET เปิดโอกาสประมูลงานใหญ่

2024-04-24 18:02:52 332



 
นิวส์ คอนเน็คท์ - BBIK เดินหน้าแผนเข้าซื้อขายใน SET หลังผู้ถือหุ้นอนุมัติแผนเพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 54,441,200 บาท เป็น 100,008,484 บาท หวังช่วยเพิ่มโอกาสเข้าประมูลงานขนาดใหญ่และการขยายธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ รวมทั้งยังช่วยเพิ่ม Free Float ในตลาดให้กับหุ้น BBIK เพิ่มโอกาสรองรับนักลงทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศ
 
เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2567 นายพชร อารยะการกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BBIK เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมย้ายเข้าตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ภายในปี 2568 หลังจากจดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เพียง 2 ปี โดยการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นในวันที่ 23 เม.ย. 2567 ผู้ถือหุ้นมีมติเอกฉันท์อนุมัติเพิ่มทุนจดทะเบียนชำระแล้วจาก 54,441,200 บาท เป็น 100,008,484 บาท โดยหุ้นเพิ่มทุนจะมีจำนวนทั้งหมด 91,134,568 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ 0.50 บาทต่อหุ้น จากปัจจุบันที่มีจำนวนหุ้นทั้งหมด 108,882,400 หุ้น เพื่อให้บริษัทมีคุณสมบัติเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่ปรับปรุงใหม่ของ SET ซึ่งการเข้าจดทะเบียนใน SET จะช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ของบริษัทให้ดีขึ้น โดยเฉพาะการเข้าประมูลงานขนาดใหญ่และการขยายธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ ขณะเดียวกันยังช่วยเพิ่มสภาพคล่องหุ้น (Free Float) ในตลาดให้กับบริษัทอีกด้วย
 
นอกจากนี้ ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นยังมีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลรวม 0.80 บาทต่อหุ้น แบ่งออกเป็นปันผลเงินสด 41.54 ล้านบาทหรือ 0.3815 ต่อหุ้น และปันผลเป็นหุ้นสามัญจำนวนไม่เกิน 45.57 ล้านบาทหรือ 0.4185 บาทต่อหุ้นในอัตรา 1 หุ้นเดิมต่อ 0.837 หุ้นปันผล ซึ่งการเพิ่มทุนจดทะเบียนตามที่กล่าวไว้ข้างต้นเป็นการดำเนินการเพื่อรองรับการการจ่ายปันผลเป็นหุ้นสามัญ โดยกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับเงินปันผลในวันที่ 2 พ.ค. 2567 และกำหนดจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นภายในวันที่ 21 พ.ค. 2567
 
“การย้ายเข้าไปซื้อขายใน SET ของ บลูบิค เป็นการตอกย้ำถึงศักยภาพในการดำเนินธุรกิจ ที่สะท้อนผ่านการเติบโตของผลประกอบการที่ทำสถิติสูงสุดใหม่อย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทในปี 2556 จนถึงปัจจุบัน โดยบลูบิคเชื่อมั่นว่าภาพลักษณ์ที่แข็งแกร่งมากขึ้นหลังจดทะเบียนใน SET จะส่งผลบวกต่อการประมูลงานมูลค่าสูง การขยายธุรกิจในอนาคต อีกทั้งยังช่วยสร้างความมั่นใจในแง่เสถียรภาพการเติบโตให้กับพนักงานและผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย รวมถึงเพิ่มโอกาสรองรับนักลงทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศอีกด้วย” นายพชร กล่าว
 
สำหรับแนวโน้มธุรกิจในปี 2567 บริษัทเชื่อมั่นว่าผลประกอบการยังคงเติบโต จากปี 2566 ที่มีกำไรสุทธิ 303 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 132% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา และรายได้อยู่ที่ 1,313 ล้านบาท เติบโต 133% จากปีก่อนหน้า ซึ่งปัจจัยใหม่ที่จะเข้ามาสนับสนุนการเติบโตในปีนี้ ได้แก่ การถือครองสัดส่วนหุ้นของบริษัท Innoviz เพิ่มเป็น 85% ทำให้การแบ่งปันกำไรส่วนที่เป็นของบริษัทแม่จะขยับขึ้นตามไปด้วย และการได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีเพิ่มเติมในส่วนของ Innoviz จากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (Board of Investment - BOI) ในไตรมาส 1/2567
 
ในส่วนของแผนการดำเนินงาน บริษัทยังคงให้ความสำคัญกับการประสานการทำงาน (Synergy) ระหว่างบริษัทแม่และบริษัทในเครืออย่างเข้มข้นต่อเนื่อง เพื่อรองรับแผนการเติบโตและเทรนด์การทำธุรกิจใหม่ ๆ ได้แก่ 1.การขยายและยกระดับการให้บริการ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันที่มีความซับซ้อนมากขึ้น ซึ่งจะหนุนให้สัดส่วนรายได้จากบริการหลักขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง โดยเฉพาะบริการเกี่ยวกับการพัฒนา Super App รวมถึงการอัปเกรดระบบหรือแอปพลิเคชันด้วย Event Driven Nano Service Architecture หรือ EDNA ที่ทำให้ Maintainability ของซอฟต์แวร์ทำได้ง่ายขึ้น รวมถึงการบริการด้าน Generative AI และการบริการที่ปรึกษาด้าน Cybersecurity ซึ่งทั้งหมดเป็นเทรนด์เทคโนโลยีกระแสหลักในการทำธุรกิจยุคใหม่, 2.การรุกตลาดต่างประเทศที่มีศักยภาพเติบโตด้านเทคโนโลยีสูง ได้แก่ ประเทศเวียดนามและกลุ่มประเทศยุโรป และ 3.การทำ Up-Selling และ Cross-Selling อย่างเข้มข้น พร้อมดัน Employee Utilization Rate ของบริษัทลูกให้เพิ่มสูงขึ้น
 
“บริษัทเชื่อมั่นว่าแม้ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวจะส่งผลต่อแผนการลงทุนของภาคธุรกิจ แต่ความต้องการด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันยังคงเติบโตต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลพวงจากการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและความซับซ้อนของเทคโนโลยีที่เพิ่มมากขึ้น ที่ทำให้การลงทุนด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมต้องทำอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม บริษัทมีการปรับแผนการดำเนินงานอยู่ตลอดเวลา เพื่อให้สอดรับกับเทรนด์ความต้องการทางธุรกิจและการพิจารณาการใช้งบประมาณที่เข้มงวดมากขึ้นของลูกค้า นอกจากนี้ บริษัทยังเดินหน้าหาพันธมิตรทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งเน้นไปที่ธุรกิจที่สามารถสร้าง Synergy และทำให้บริการของบลูบิคและบริษัทในเครือมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพื่อสร้างการเติบโตอย่างมั่นคงในระยะยาว” นายพชร กล่าว