Phones





พีดีเฮ้าส์ปั๊มยอดขาย1พันล. - ปรับแผนบริการ-เปิดสาขาเพิ่ม

2020-11-22 17:36:41 425




นิวส์ คอนเน็คท์ - "พีดีเฮ้าส์" ประเมินภาพรวมธุรกิจรับสร้างโดยรวมปีนี้หดตัวประมาณ 20% พร้อมปรับลดเป้ายอดขายเหลือ 1 พันล้านบาท ลุยปรับแผนบริการครบวงจร เล็งเปิดสาขาใหม่ปั๊มยอด


นายพิศาล ธรรมวิเศษ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานธุรกิจรับสร้างบ้าน ศูนย์รับสร้างบ้านพีดีเฮ้าส์ เปิดเผยว่า ธุรกิจรับสร้างบ้าน ปี 2563 โดยภาพรวมคาดว่าจะชะลอตัวประมาณ 20% โดยในส่วนของตลาดกรุงเทพฯ และปริมณฑล ประเมินว่ากำลังซื้อปรับตัวลดลงเฉลี่ย 25% โดยกลุ่มราคาบ้าน 2-5 ล้านบาท ปรับลดลงสูงถึง 40% ส่วนกลุ่มราคาบ้าน 5 -10 ล้านบาท ปรับลดลง 25% และกลุ่มราคาบ้าน 10 ล้านบาทขึ้นไปปรับลดลงประมาณ 15% ส่วนตลาดต่างจังหวัด ประเมินว่ากำลังซื้อปรับตัวลดลงเฉลี่ย 10% โดยกลุ่มราคา 2-5 ล้านบาท ปรับลดลงเฉลี่ย 20% กลุ่มราคา 5 -10 ล้านบาท ปรับลดลงลดลง 15% ส่วนกลุ่มราคาบ้าน 10 ล้านบาทขึ้นไป กำลังซื้อกลับเพิ่มขึ้น 10%



อย่างไรก็ตาม ในส่วนของพีดีเฮ้าส์นั้น เชื่อว่ายอดขายคงไม่หดตัวเช่นเดียวกับตลาด โดยตั้งแต่ต้นปี ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่1,200 ล้านบาท แต่หลังจากที่ผลดำเนินงานงวด 6 เดือนออกมาแล้ว ได้มีการปรับลดเป้าหมายยอดขายลงเหลือราว 1,000 ล้านบาท ซึ่งใกล้เคียงกับยอดขายปี 62 โดบในส่วนของพีดีเฮ้าส์ มีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ประมาณ 10% ของมูลค่าตลาดรับสร้างบ้านโดยรวม ซึ่งปี 63 นี้ คาดว่ามีมีมูลค่ารวมอยู่ที่ 1.2-1.3 หมื่นล้านบาท และปี 64 คาดว่าจะลดลงมาอยู่ที่ราว 1 หมื่นล้านบาท เนื่องจากประมเฯว่าตลาดจะยังไม่มีปัจจัยบวกที่เข้ามาสนับสนุนในการฟื้นตัวมากนัก


“แม้ตลาดรับสร้างบ้านอาจ จะดูชะลอตัวลง แต่จากการเฝ้าติดตามและประเมินสถานการณ์อยู่ตลอดเวลา ทำให้พีดีเฮ้าส์สามารถวางกลยุทธ์รับมือกับ Covid-19 และปรับตัวเพื่อให้สอดรับกับกระแส New Normal ได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องขยายการรับงาน ทั้งงานออกแบบอาคาร ผ่านบริษัทในเครือ บจก.เฌอ-วาด อาคิเทค รวมถึงการรับงานอินทีเรีย, แลนด์สเคป ซึ่งเราเป็นทั้งผู้ออกแบบและก่อสร้าง นอกจากนี้ยังมีการออกแบบบ้านใหม่ ทั้งแบบบ้านหรู (Luxury) แบบบ้านสไตล์โรงนา (Farmhouse) แบบบ้านสู้โควิด-19 และแบบบ้านสไตล์ Asian Tropical ควบคู่ไปกับการจัดโปรโมชั่นกระตุ้นการตัดสินใจผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมาย" นายวิศาล กล่าว


ด้านนางสาวถิรพร สุวรรณสุต กล่าวถึงกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจในปี 64 เพื่อให้บรรลุเป้าหมายว่า สำหรับพีดีเฮ้าส์ในปี 64 ได้เตรียมจัดกลุ่มธุรกิจและปรับโครงสร้างการจัดการใหม่ โดยจะแบ่งเป็น 2 กลุ่มหลัก ๆ คือ กลุ่มธุรกิจรับสร้างบ้าน โดย ปทุมดีไซน์ ดีเวลลอป ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่/ผู้ลงทุน ประกอบด้วย บริษัทในเครือ 14 บริษัท อาทิ ปทุมดีไซน์ ดีเวลลอป (ชลบุรี), ปทุมดีไซน์ ดีเวลลอป (พิษณุโลก), ปทุมดีไซน์ ดีเวลลอป (นครราชสีมา) ฯลฯ ดำเนินธุรกิจรับสร้างบ้านภายใต้ชื่อ ศูนย์รับสร้างบ้านพีดีเฮ้าส์ หลังจากก่อนหน้านี้ ปทุมดีไซน์ฯ ได้เข้าไป Take over หรือร่วมลงทุนโดยเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่กับแฟรนไชส์รับสร้างบ้านรายเดิม เพื่อช่วยเสริมความแข็งแกร่งทางการเงิน และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันภายใต้ภาวะตลาดที่กำลังซื้อผู้บริโภคลดลงในปัจจุบัน รวมถึงสามารถขับเคลื่อนธุรกิจให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ส่วนแฟรนไชส์รายใดที่แข็งแรงอยู่แล้วก็ช่วยผลักดันให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น



สำหรับกลุ่มที่ 2 คือ กลุ่มบริหารสิทธิ์ตราสินค้าและสนับสนุนธุรกิจรับสร้างบ้าน โดย ปทุมดีไซน์ ดีเวลลอป ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่/ผู้ลงทุน ประกอบด้วย บริษัทในเครือ 3 บริษัท ได้แก่ “พีดี เฮ้าส์ อินเตอร์เนชั่นแนล” ทำหน้าที่บริหารแบรนด์พีดีเฮ้าส์ให้เป็นที่รับรู้และยอมรับของผู้บริโภคยิ่งขึ้น ในขณะเดียวกัน ก็สร้างมาตรฐานผลิตภัณฑ์และบริการ พัฒนาระบบการจัดการควบคู่กันไป สำหรับ “พีดี สยามซัพพลาย แอนด์ เซอร์วิส” เป็นบริษัทในเครือที่มีภารกิจหลักคือ การสนับสนุนธุรกิจรับสร้างบ้านพีดีเฮ้าส์ ได้แก่ การรวมคำสั่งซื้อวัสดุก่อสร้าง และการเจรจาต่อรองกับซัพพลายเออร์ เพื่อคัดเลือกสินค้าที่มีคุณภาพและได้ต้นทุนที่ดีที่สุด และสุดท้าย “เฌอ-วาด อาคิเทค” ซึ่งเป็นบริษัทออกแบบครบวงจร เป็นอีกหนึ่งอาวุธลับ/อาวุธเสริม ในการหาลูกค้ากลุ่มใหม่ เช่น งานอินทีเรีย, งานแลนด์สเคป นอกจากนั้น ยังมีรองรับความต้องการของลูกค้าในยุคปัจจุบัน ที่มีความต้องการบ้านที่เฉพาะเจาะจง รวมไปถึงร่วมพัฒนาผลิตภัณฑ์ ออกแบบบ้านใหม่ ๆ เพื่อเสิร์ฟให้กับกลุ่มลูกค้าที่สนใจใช้บริการสร้างบ้านกับพีดีเฮ้าส์



อย่างไรก็ตาม นอกจากการปรับโครงสร้างองค์กรแล้ว ในปี 64 พีดีเฮ้าส์ยังเน้นเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายใหม่-พื้นที่ใหม่ รวมถึงทำการตลาดเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูง พร้อมเน้นขอบเขตการให้บริการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น อินทีเรีย จัดสวน สระว่ายน้ำ ตัวแทนจำหน่ายวัสดุก่อสร้าง เพื่อให้ลูกค้าได้รับความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังได้วางแผนขยายสาขาใหม่ เพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกค้าในการเข้าถึงบริการสร้างบ้าน โดยมีแผนขยายสาขาเพิ่มอีก 3-4 สาขา ซึ่งในเบื้องต้นเตรียมพร้อมขยาย 2 สาขาในไตรมาสแรกคือ สาขาจังหวัดพิจิตร และสาขาจังหวัดนครนายก และมีพื้นที่จังหวัดเป้าหมายที่สนใจอีกได้แก่ สุราษฎร์ธานี, อุดรธานี, ราชบุรี และกรุงเทพมหานครโซนตะวันออก จากปัจจุบันมีอยู่ 24 สาขา ใน 21 จังหวัด และสิ้นปีนี้จะเพิ้มเป็น 26 สาขาใน 23 จังหวัด


>>>สามารถอ่านข่าวเพิ่มเติมได้ทาง http://www.newsconnext.com
หรือติดตามผ่านช่อง Line@ ได้ที่ News Connext
ช่องทาง Fanpage Facebook ได้ที่ https://www.facebook.com/connextnews