TOA โชว์ปี 67 รายได้ 21,357 ล้านบาท ปันผลเพิ่ม 0.27 บ./หุ้น
2025-02-28 08:48:03
192

นิวส์ คอนเน็คท์ - TOA ประกาศผลประกอบการปี 67 รายได้รวม 21,357 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิจากการดำเนินงานหลัก 2,268 บาท ปันผลเพิ่ครึ่งปีหลังอีกหุ้นละ 0.27 บาท พร้อมวางกลยุทธ์ปี 68 ขยายตลาดวัสดุก่อสร้างรักษ์โลกแบบ Total Solution เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน
เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568 นายจตุภัทร์ ตั้งคารวคุณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ TOA เปิดเผยว่า จากภาพรวมเศรษฐกิจในปีที่ผ่านมาที่ชะลอตัวลงจากภาระหนี้ครัวเรือน ค่าครองชีพสูงขึ้น และการปล่อยสินเชื่อที่เข้มงวด ทำให้ภาคอสังหาริมทรัพย์ซบเซาลงตามด้วย
ส่งผลให้ในปี 2567 บริษัทฯ มีรายได้รวม 21,357 ล้านบาท ขณะที่รายได้ในไตรมาส 4/2567 อยู่ที่ 5,292 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิจากการดำเนินงานหลัก (ไม่รวมผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนและกำไรจากการบริหารเงินสด) ในปี 2567 เป็นเงิน 2,268 บาท ขณะที่กำไรสุทธิในไตรมาส 4/2567 เป็นเงิน 470 ล้านบาท
ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2568 มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลครึ่งปีหลัง หุ้นละ 0.27 บาท รวมกับปันผลครึ่งปีแรก หุ้นละ 0.33 บาท คิดเป็นเงินปันผลรวมทั้งปี หุ้นละ 0.60 บาท โดยจะเสนอให้ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นพิจารณาในวันที่ 25 เมษายน 2568 ต่อไป
สำหรับในปี 2568 แม้ภาคอสังหาริมทรัพย์ยังไม่ฟื้นตัวชัดเจนในช่วงต้นปี แต่เชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจจะเริ่มฟื้นตัวในช่วงครึ่งปีหลัง จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐและการฟื้นตัวของภาคส่งออกและการท่องเที่ยว
ดังนั้น ในปี 2568 บริษัทฯ จึงวางแผนรุกตลาดวัสดุก่อสร้างรักษ์โลกอย่างเต็มรูปแบบ ภายใต้กลยุทธ์ Total Solution โดยเน้นการขยายตลาดสีทาอาคารที่ตอบโจทย์ทุกกลุ่มเป้าหมาย การเพิ่มไลน์สินค้า Non-Decorative อาทิ เคมีภัณฑ์ก่อสร้าง ยิปซั่มบอร์ด กระเบื้อง และวัสดุก่อสร้างรักษ์โลก พร้อมทั้งพัฒนานวัตกรรมสีใหม่ สูตร 2-in-1 ไม่ต้องทารองพื้น ช่วยลดต้นทุนผู้บริโภค ทั้งค่าแรง ค่าสี และช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมยิ่งขึ้น เพื่อสร้างมิติใหม่ของวงการสีทาอาคารที่จะเปลี่ยนอุตสาหกรรมและเป็นเทรนด์ใหม่ในอนาคต
อีกทั้ง TOA ยังเดินหน้าภารกิจ “7-Green” สู่ Net-Zero การขับเคลื่อนธุรกิจสู่ความยั่งยืน ด้วยเป้าหมายลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ลง 50% ภายในปี 2030 และปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net-Zero GHG Emissions) ภายในปี 2050 โดยดำเนินการผ่านกลยุทธ์ 7-Green อย่างเป็นรูปธรรมที่ครอบคลุมการพัฒนาและผลิตสินค้าให้มีค่าคาร์บอนฟุตพริ้นท์ต่ำ ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ครอบคลุมตั้งแต่กระบวนการผลิต การใช้พลังงาน ไปจนถึงการจัดการห่วงโซ่อุปทาน อาทิ ผลิตภัณฑ์สี TOA Organic Care, SuperShield, Duraclean A Plus, TOA 7in1, TOA Shield-1 Nano, 4SEASONS, SUPERMATEX หรือ TOA กลุ่ม Expert 2 in 1 รวมทั้งแผ่นยิปซัม ที่ได้รับฉลากลดโลกร้อน หรือ Carbon Footprint Reduction จากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (TGO) มากที่สุดในตลาดสีทาอาคารและวัสดุก่อสร้าง รวม 133 ผลิตภัณฑ์
“เรามุ่งมั่นเป็นผู้นำนวัตกรรมสีและวัสดุก่อสร้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมขับเคลื่อนองค์กรด้วยกลยุทธ์ “Change” เพื่อปรับกระบวนการภายใน การจัดการข้อมูลดิจิทัล และการพัฒนาอย่างยั่งยืน สู่การเป็นแบรนด์สีอันดับ 1 ในอาเซียน" นายจตุภัทร์ กล่าว