Phones





NEO ประกาศราคาขาย IPO ที่ 39 บาทต่อหุ้น

2024-03-27 16:57:17 197



นิวส์ คอนเน็คท์ - NEO ประกาศราคาขาย IPO ที่ 39 บาทต่อหุ้น เปิดจองซื้อ 28 – 29 มี.ค. และ 1 – 2 เม.ย. คาดเข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายวันแรกใน SET วันที่ 9 เม.ย. นี้

เมื่อวันที่้ 27 มีนาคม 2567 นายสุทธิเดช ถกลศรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นีโอ คอร์ปอเรท จำกัด (มหาชน) หรือ NEO เปิดเผยว่า ได้วางแผนขับเคลื่อนธุรกิจภายใต้วิสัยทัศน์ “มุ่งมั่นที่จะเป็นบริษัท FMCG แห่งนวัตกรรมของเอเชีย ที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับผู้บริโภค” โดยบริษัทฯ มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในตลาดสินค้าอุปโภคมากว่า 34 ปี เป็นผู้ทำการตลาด ผลิต และจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคชั้นนำของประเทศ ซึ่งเป็นแบรนด์ที่มีคุณภาพของคนไทย มีเอกลักษณ์โดดเด่นเทียบเท่าระดับสากล โดยบริษัทฯ มีความมุ่งมั่นในการสร้างโอกาสเติบโตใหม่ผ่านการขยายผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมผู้บริโภคทุกกลุ่ม ตั้งแต่กลุ่มผู้บริโภคส่วนใหญ่ (Mass Market) กลุ่มพรีเมียมแมส (Premium Mass) และกลุ่มพรีเมียม (Premium) นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีทีมวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่แข็งแกร่งเข้าใจถึงความต้องการของผู้บริโภค พร้อมส่งมอบผลิตภัณฑ์ด้วยนวัตกรรมใหม่ให้กับทุกคน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ  

ปัจจุบัน บริษัทฯ มีสินค้าอุปโภคครอบคลุมกลุ่มผลิตภัณฑ์หลัก 3 กลุ่ม รวม 8 แบรนด์ ประกอบด้วย 1.กลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ในครัวเรือน (Household Products) อาทิ แบรนด์ไฟน์ไลน์ (Fineline) แบรนด์สมาร์ท (Smart) และแบรนด์โทมิ (Tomi) 2. กลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคล (Personal Care Products) อาทิ แบรนด์บีไนซ์ (BeNice) แบรนด์ทรอส (TROS) แบรนด์เอเวอร์เซ้นส์ (Eversense) และแบรนด์วีไวต์ (Vivite) 3.กลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้สำหรับเด็ก (Baby and Kids Products) ภายใต้แบรนด์ดีนี่ (D-nee) ล่าสุด บริษัทฯ ได้เดินหน้าเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งจะยกระดับความสามารถด้านการแข่งขันและสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนให้กับธุรกิจ

“การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ จะเพิ่มขีดความสามารถในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมใหม่ๆ รวมทั้งการลงทุนด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่เพื่อขยายกำลังการผลิตและยกระดับประสิทธิภาพกระบวนการผลิต ตลอดจนการขยายคลังวัตถุดิบและบรรจุภัณฑ์ที่มีความทันสมัย เพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่ช่วยดูแลชีวิตประจำวันของทุกคนให้ได้รับความสะดวกสบายและมีคุณภาพชีวิตที่ดีมากขึ้น เพื่อยกระดับความสุขของผู้บริโภคให้ทุกวันดียิ่งขึ้น (Uplift The Essentials for Everyday Betterment)” นายสุทธิเดช กล่าว

นางนาฏยา ทัศนีย์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน NEO กล่าวว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้พัฒนาสินค้าและนวัตกรรมใหม่ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นตอบสนองกับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคอย่างแท้จริง ผลักดันให้ NEO มีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง นับตั้งแต่ปี 2563 - 2566 ยอดขายมีอัตราเติบโตเฉลี่ย (CAGR) 11.9% ต่อปี และกำไรสุทธิขยายตัวเฉลี่ย (CAGR) 11.7% ต่อปี โดยปี 2563 – 2566 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายรวม 6,768 ล้านบาท 7,445 ล้านบาท 8,301 ล้านบาท และ 9,484 ล้านบาท ตามลำดับ และมีกำไรสุทธิ 602 ล้านบาท 729 ล้านบาท 569 ล้านบาท และ 840 ล้านบาท ตามลำดับ

โดยรายได้จากการขายกลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ในครัวเรือน (Household Products) กลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคล (Personal Care Products) และ กลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้สำหรับเด็ก (Baby and Kids Products) คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 40%, 25% และ 35% ของรายได้จากการขายรวมของบริษัทฯ ตามลำดับ ทั้งนี้ รายได้จากการขายของบริษัทฯ มาจากการขายสินค้าในประเทศและจากการขายสินค้าไปยังต่างประเทศ คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 85% และ 15% ของรายได้จากการขายรวม โดยประเทศส่งออกหลักที่สำคัญ ได้แก่ เวียดนาม ลาว กัมพูชา เมียนมาร์ ฯลฯ และเพื่อรองรับกับการเติบโต NEO วางแผนการลงทุน 4 ปี (2567 – 2570) จาก ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2566 บริษัทฯ มีกำลังการผลิตรวม 234,782 ตันต่อปี และคลังจัดเก็บสินค้าสำเร็จรูปมีความสามารถในการจัดเก็บรวมกว่า 45,700 พาเลท โดยเป็นโครงการที่ลงทุนภายใต้งบประมาณ ราว 6,530 ล้านบาท ดังนี้  

นายทวีชัย ตั้งธนทรัพย์ หัวหน้าสายงานวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย กล่าวว่า NEO ได้กำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญแก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ที่ 39 บาทต่อหุ้น ซึ่งนักลงทุนสถาบันในประเทศได้แสดงความสนใจจองซื้อมากกว่าจำนวนหุ้นที่จัดสรรถึง 5 เท่า สะท้อนถึงความสนใจและมั่นใจในศักยภาพของธุรกิจ โดยเตรียมเปิดให้นักลงทุนจองซื้อวันที่ 28 – 29 มี.ค. และ 1 – 2 เม.ย. 2567 นี้ และคาดว่าจะเข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) วันที่ 9 เม.ย. นี้ โดยใช้ชื่อย่อหลักทรัพย์ “NEO”

ทั้งนี้ บริษัท นีโอ คอร์ปอเรท จำกัด (มหาชน) หรือ NEO ได้แต่งตั้งบริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย พร้อมแต่งตั้งบริษัทหลักทรัพย์อีก 6 ราย เป็นผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้น IPO ของ NEO ประกอบด้วย (1) บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด (2) บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) (3) บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (4) บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) (5) บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) และ (6) บริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย เอ็กซ์สปริง จำกัด

บมจ. นีโอ คอร์ปอเรท มีทุนจดทะเบียน 300 ล้านบาท แบ่งเป็น หุ้นสามัญจำนวน 300 ล้านหุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 1 บาท โดยเป็นทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้ว 222 ล้านบาท และจะเสนอขายหุ้น IPO จำนวนไม่เกิน 87.50 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นไม่เกินร้อยละ 29.2 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ โดยมีวัตถุประสงค์นำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปขยายกำลังการผลิตของสินค้ากลุ่มของใช้ในครัวเรือน (Household Products) ขยายคลังวัตถุดิบและบรรจุภัณฑ์เพื่อให้รองรับกับการขยายกำลังการผลิตในอนาคต ส่วนที่เหลือใช้ชำระคืนเงินกู้ที่มีกับสถาบันการเงิน และเป็นเงินทุนหมุนเวียนในบริษัทฯ